โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share

เลือกแชมพูให้เหมาะกับสภาพหนังศรีษะ

แชมพูที่ปราศจากสารซัลเฟตและซิลิโคนเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับผมของสาว ๆ โดยช่วยให้หลีกเลี่ยงการถูกลอกน้ำมันตามธรรมชาติออกจากหนังศีรษะและเส้นผม หรือทำให้ผมแห้งและเปราะบาง อย่างไรก็ตาม เส้นผมที่มันจะมีรังแค หรือผมแห้งเสียจำเป็นต้องได้รับการดูแลที่แตกต่าง เป็นเรื่องสำคัญที่สาว ๆ จะต้องรู้วิธีการเลือกแชมพูที่เหมาะสมสำหรับประเภทผมของตัวเอง ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำที่ดีเยี่ยมเกี่ยวกับแชมพูชนิดต่าง ๆ

 

 

สำหรับผมแห้งเสีย

(1) สำหรับผมแห้งเสีย

สำหรับสาว ๆ ที่มักจะทำสีผมหรือจัดแต่งทรงผมโดยใช้ยาย้อมผมหรือเครื่องมือแต่งทรงผมด้วยความร้อน สารเคมีและความร้อนจะทำลายเส้นผมและหนังศีรษะและยังทำให้ทั้งเส้นผมและหนังศีรษะแห้งอีกด้วย สำหรับสาว ๆ ที่มีผมแห้งเสีย สามารถเลือกแชมพูที่มีสูตรให้ความชุ่มชื้น ซึ่งจะดีสำหรับสาว ๆ ที่มีผมหนา ผมเส้นใหญ่หรือผมหยิกซึ่งขาดความชุ่มชื้น แชมพูชนิดนี้จะให้ความชุ่มชื้นและทำให้เส้นผมนุ่มและเงางาม

ส่วนผสมที่ควรมองหา:

เคราติน – โปรตีนชนิดหนึ่งที่ประกอบอยู่ในเส้นผมส่วนใหญ่ โดยอาจปรากฏอยู่ในรายการส่วนผสมว่าเป็น ‘เคราตินที่ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิส’ หรือ กรดอะมิโนเคราติน’ ซึ่งจะช่วยสร้างโครงสร้างโปรตีนของเส้นผมให้สาว ๆ ใหม่อีกครั้ง

เซราไมด์ – น้ำมันที่มีอยู่บนผิวผมตามธรรมชาติเพื่อทำให้ผิวผมสมบูรณ์ โดยช่วยฟื้นฟูสมดุลภายในเส้นผมและลดความเสียหายให้น้อยที่สุด

น้ำมันธรรมชาติ – เชียบัตเตอร์ น้ำมันโจโจบา น้ำมันมะพร้าวและอื่น ๆ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมอย่างสูง

 

 

ผมมัน

(2) ผมมัน

หากเส้นผมและหนังศีรษะของสาว ๆ มีแนวโน้มที่จะเป็นผมมันหรือมันเยิ้ม ควรมองหาแชมพูที่มีสูตรการปรับสมดุลและทำให้ผมมีวอลุ่มเพื่อควบคุมการผลิตไขผิวหนัง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูที่ให้ความชุ่มชื้นและทำให้ผมลื่นซึ่งจะให้ความชุ่มชื้นมากเกินไปและกระตุ้นหนังศีรษะให้สร้างไขผิวหนังมากยิ่งขึ้น สำหรับผมและหนังศีรษะที่มีความมันมาก สามารถใช้แชมพูสูตรทำความสะอาดล้ำลึก (แคริไฟอิ้ง แชมพู) แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ครีมนวดผมและเซรั่มกับหนังศีรษะหรือรากผม

ส่วนผสมที่ควรมองหา:

น้ำมันทีทรี: ช่วยควบคุมการผลิตไขผิวหนังส่วนเกินของหนังศีรษะ รวมทั้งป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา

น้ำมันเปปเปอร์มิ้นต์: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตไปยังหนังศีรษะและปรับสมดุลระดับ pH ของหนังศีรษะ

อโลเวร่า: ช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการระคายเคือง

 

 

ผมหยิก / ผมหยักศก

(3) ผมหยิกผมหยักศก

สำหรับผมหยิกและผมที่จัดทรงลำบาก จำเป็นต้องใช้แชมพูที่ให้ความชุ่มชื้นระดับสูงทำให้ผมลื่น แชมพูสระผมที่ทำให้ผมลื่นจะเต็มไปด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์และสารปรับผิวเรียบเพื่อเคลือบผิวผม สำหรับผมหยักศก สามารถใช้แชมพูเพิ่มความชุ่มชื้นที่ออกแบบมาเพื่อผมหยักศกซึ่งจะช่วยทำให้เส้นผมไม่พันกันและป้องกันให้ผมแตกหักน้อยที่สุด

ส่วนผสมที่ควรมองหา:

น้ำมันสกัดจากธรรมชาติ – มอบการปกป้องและความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมเพื่อทำให้ผมเงางามและนุ่มนวล

กรดลิโนเลนนิค – กรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเจริญเติบโตตามปกติและการทำงานของเซลล์มีสุขภาพดี โดยช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นของเส้นผมและทำให้มีเส้นผมงอกใหม่

น้ำผึ้ง – ช่วยทำให้เส้นผมชุ่มชื้นและนุ่มสลวย

 

ผมธรรมดา

(4) ผมธรรมดา

สำหรับสาว ๆ ที่มีผมธรรมดา จะมีเส้นผมที่ไม่แห้ง เป็นมันหรือหยิกมากเกินไป โดยอาจรู้สึกสับสนเกี่ยวกับแชมพูชนิดต่าง ๆ หากผมของสาว ๆ เป็นผมธรรมดา แชมพูเพิ่มวอลุ่มจะเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการทำให้ผมดูหนาขึ้น สำหรับผมธรรมดา สามารถเปลี่ยนแชมพูได้ตามฤดูกาล ตัวอย่างเช่น ใช้แชมพูที่เพิ่มสมดุลในฤดูร้อน และใช้แชมพูที่ให้ความชุ่มชื้นในฤดูหนาว

 

เช็คโปรล่าสุด สินค้าลดราคา พิเศษเฉพาะที่วัตสันออนไลน์

Check Latest Online Exclusive Promotions >

Previous

4 วิตามินเพื่อผิวเปล่งปลั่ง

Next

วางแผนมื้ออาหารแบบคีโตไดเอทสำหรับมือใหม่

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2024
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลมอ้วนช่วยพรางหน้าให้เรียวเล็ก
  7. โทนเนอร์คืออะไร จำเป็นไหม และใช้ตอนไหนดี
  8. เหตุผลที่คุณควรเลือกมาส์กชีทที่พัฒนาสูตรโดยแพทย์ผิวหนังเกาหลี
  9. 10 ลายเล็บเจลมือขาว ขับผิว ช่วยให้นิ้วขาว ทําให้มือสว่าง
  10. แจกไอเดียเล็บ คริสต์มาส เปลี่ยนลุคให้ดูสดใส พร้อมเฉิดฉาย
  11. โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
*/?>