Get the App
DOWNLOAD NOW
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
Find a Store Blog
Watsons Services
0
MY BAG
Share

เชื่อได้เลยว่าหนึ่งในเป้าหมายประจำปี หรือ ‘New Year Resolution’ ของหลาย ๆ คนที่ลิสต์กันไว้จะต้องมีเป้าหมายเกี่ยวกับการลดน้ำหนักอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงาม หรือจะเป็นด้วยเรื่องของสุขภาพ แต่ไม่ว่าจะกี่ปีที่ผ่านไปก็อาจจะยังไม่สามารถไปได้ถึงเป้าอย่างที่อยากจะเป็น จนอาจจะทำให้เราถอดใจไปกลางคันได้

วัตสัน’ เลยอยากจะนำเสนอวิธีการลดน้ำหนักสุดฮิตที่ถูกพูดถึงอย่างมากอย่าง ‘การทำ if’ มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับคนที่อยากลดน้ำหนัก แต่อาจจะไม่สะดวกที่จะออกกำลังกาย ก็สามารถหุ่นดีได้เหมือนกัน

การทำ IF คืออะไร

การทำ IF คือ การที่ร่างกายลดการหลั่งอินซูลีน และดึงไขมันสะสมมาใช้งานแทนน้ำตาล

หันไปทางไหนใคร ๆ ก็พูดถึงการลดน้ำหนักแบบ IF กันทั้งนั้น แต่รู้หรือไม่ว่าการทำ IF จริง ๆ แล้วคืออะไรกันแน่ ‘การทำ IF’ หรือ Intermittent Fasting คือ การลดน้ำหนักโดยใช้วิธีการอดอาหาร เปรียบเสมือนการหลอกร่างกายให้อยู่ในภาวะขาดอาหาร

โดยการทำ IF จะบังคับการกินอาหารให้อยู่ในช่วงเวลาที่กำหนด พอเลยช่วงที่รับประทานอาหารได้และร่างกายเกิดภาวะหิวโหย ร่างกายก็จะลดการหลั่งอินซูลีน ทำให้น้ำตาล และไขมันในเลือดลดลง ร่างกายก็จะไปดึงไขมันที่สะสมอยู่ตามใต้ชั้นผิวหนังมาใช้งานแทนที่

อีกทั้งในช่วงเวลาการทำ IF ร่างกายยังหลั่งโกรท ฮอร์โมน และนอร์อีพิเนฟรินเพื่อช่วยเพิ่มอัตราการเผาพลาญอีกด้วย

การทำ IF ควรเริ่มอย่างไร ?

วิธีการทำ IF สำหรับผู้เริ่มต้น คือ การทำ IF แบบ 16:8 อด 16 ชั่วโมง และทานได้ 8 ชั่วโมง

อันที่จริงการทำ IF สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ขั้นเบสิค ไปจนถึงขั้นแอดวานซ์ที่ทาน 1 วัน งดอีก 1 วันไปเลยก็ได้

แต่แน่นอนว่า ‘วัตสัน’ ไม่ขอแนะนำการทำ IF ในรูปแบบนั้นสำหรับผู้เริ่มต้นแน่นอน เพราะคุณจะไม่สามารถทำได้ต่อเนื่องยาวนาน ดังนั้นวิธีการทำ IF ที่ ‘วัตสัน’ ขอแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นนั่นก็คือการทำ IF แบบ Lean Grains หรือการทำ IF แบบ 16:8 อด 16 ชั่วโมง และทานได้ 8 ชั่วโมง

เช็คให้ชัวร์ คุณเหมาะแค่ไหนกับการทำIF

ตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเองให้พร้อมก่อนการทำ IF

1. คุณทน ‘ความหิว’ ได้แค่ไหน

การทำ IF ก็คือการอดอาหารเพื่อหลอกร่างกายให้เข้าสู่ภาวะขาดอาหาร ดังนั้น คุณควรเช็คให้ชัวร์ว่าตัวเองอดทนต่อความหิวได้แค่ไหน เพราะถ้าคุณอดทนไม่ได้ ยังติดนิสัยกินจุบกินจิบอยู่มาก การทำ IF ก็อาจจะไม่ใช่หนทางที่ดีนักในการลดน้ำหนักสำหรับคุณ

2. คุณ ‘ใจร้อน’ มากแค่ไหน

ข้อเท็จจริงของการลดน้ำหนักแบบ IF ก็คือน้ำหนักอาจจะค่อย ๆ ลง ไม่สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว 5 กิโลใน 1 เดือนได้ ดังนั้น คนที่จะเลือกวิธีการทำ IF เพื่อการลดน้ำหนัก อาจจะต้องมีความอดทน และมีวินัยสม่ำเสมอในการทำ IF เพื่อให้ได้เห็นผลอย่างชัดเจน และมีสุขภาพที่ดี

3. คุณ ‘ช่างเลือก’ มากพอ

แม้ว่าการทำ IF ขั้นเบื้องต้นจะเปิดโอกาสให้คุณสามารถทานอะไรก็ได้ในช่วงที่ทานได้ 8 ชั่วโมง ก่อนจะเข้าสู่ภาวะจำศีลอีก 16 ชั่วโมง แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทานอะไรก็ได้ตามใจปากเสียขนาดนั้น การทำ IF ให้ได้ประสิทธิภาพ คุณจะต้องมีความช่างเลือก เลือกแต่สิ่งที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายจึงจะทำให้การทำ IF มีประสิทธิภาพที่สุด

4. คุณมี ‘โรคประจำตัว’ หรือเปล่า

แม้ว่าการทำ IF จะเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ยอดนิยม และค่อนข้างปลอดภัยมาก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงสูงกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง อย่างเช่นเบาหวาน เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่มีโรคประจำตัวอาจจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะทำ IF เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

มาเริ่มทำ IF กันเถอะ!

การทำ If ควรเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป

1. เริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป

สำหรับคนที่ไม่เคยผ่าานการทำ IF มาก่อน และอาจกังวลว่าจะไม่พร้อม หรือทำได้ไม่สำเร็จ อาจจะไม่จำเป็นต้องเริ่มด้วยการทำ IF แบบ 16:8 แต่อาจจะเริ่มด้วยการลดการรับประทานของจุกจิก และปรับการรับประทานอาหารให้ ‘ตรงตามมื้อ’ ให้ครบสามมื้อ และค่อย ๆ จำกัดปริมาณอาหารต่อมื้อ ก็จะช่วยให้การทำ IF ง่ายมากขึ้น

2. ปรับลดเวลาการรับประทาน

หากเริ่มการทำ IF จากการปรับการรับประทานอาหารให้เป็นมื้อตรงเวลาแล้ว ก็ค่อย ๆ ปรับลดเวลาในการรับประทานอาหารลงให้เป็นตามหลักการ 16:8 โดยเราขอแนะนำให้เลือกรับประทานเป็นช่วงเช้า – บ่ายเพื่อเป็นไปตามนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย

3. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การทำ IF แม้ว่าจะมีช่วงที่สามารถรรับประทานได้ ไมต้องอดอาหารจนโหยมากเกินไปนัก แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะทานอะไรก็ได้ แต่การทำ IF อย่างมีประสิทธิภาพควรจะต้องเลือกการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดปริมาณน้ำตาล แป้ง และไขมัน

4. ดื่มน้ำให้มากขึ้น

หลาย ๆ คนที่เริ่มทำ IF อาจจะสงสัยว่าในช่วงที่รับประทานอาหารไม่ได้นั้น หากเกิดอาการหิว หรือรู้สึกอยากทานอะไรขึ้นมาซักอย่างจะทำอย่างไรได้บ้าง ‘วัตสัน’ แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าเพื่อช่วยระงับความหิว และช่วยให้ระบบการทำงานในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

5. ปรับพฤติกรรมให้เอื้อต่อการทำ IF

หากวิธีการทำ IF เป็นวิธีการลดน้ำหนักที่คุณลองแล้วสามารถทำได้อย่างไม่ทรมานมากนัก ขอแนะนำให้คุณเริ่มปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคุณให้เอื้อกับการทำ IF มากขึ้น เพื่อให้การทำ IF เป็นวิถีชีวิต และสามารถทำ IF ได้อย่างยาวนาน เช่นการนอนให้เร็วขึ้น เพื่อลดโอกาสที่ร่างกายจะหิว เป็นต้น

การทำ IF เป็นอีกหนทางการลดน้ำหนักที่น่าสนใจ และสามารถทำได้ผลหากมีวินัยมากพอ ‘วัตสัน’ ก็ขอเป็นกำลังใจให้คนลดน้ำหนักด้วยการทำ IF สามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายที่ต้องการกันทุกคนเลยนะ

ตัวช่วยดูแลสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก สร้างหุ่นสวยเห็นผล ทำให้น้ำหนักคงที่

บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

เผยทุกทริค ‘กระโดดเชือกลดน้ำหนัก’ ตั้งแต่การเลือกเชือก ถึงสเต็ปการกระโดดให้น้ำหนักลดตามเป้า

5 ผลไม้ลดความอ้วน น้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับคนลดน้ำหนัก

10 อาหารเสริมลดน้ำหนักตัวไหนดี ที่เห็นผลประจำปี2022

10 อาหารลดน้ำหนัก อิ่มนานหาทานง่ายไม่ต้องกลัวอ้วน

8 วิธีลดความอ้วนด้วยตัวเอง ฉบับคนขี้เกียจแต่อยากผอม

Previous

สีเสื้อมงคลประจำวัน ช่วยเสริมทรัพย์ รับงานดีตลอดปี

Next

6 อาการภูมิแพ้ แพ้ขนแมวและวิธีป้องกันหรือลดอาการแพ้

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2024
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลมอ้วนช่วยพรางหน้าให้เรียวเล็ก
  7. รีวิว needly toner pad โทนเนอร์แพดผิวใสทั้ง 4 สูตร
  8. เหตุผลที่คุณควรเลือกมาส์กชีทที่พัฒนาสูตรโดยแพทย์ผิวหนังเกาหลี
  9. 10 ลายเล็บเจลขับผิว ช่วยให้นิ้วขาว มือดูสวยผ่อง
  10. โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
  11. โทนเนอร์คืออะไร จำเป็นไหม และใช้ตอนไหนดี
*/?>