Hello! ชาววัตสันทุกคน เดี๋ยวนี้สภาพแวดล้อมเริ่มแปรปรวน แถมมีทั้งฝุ่น ควัน มลภาวะต่าง ๆ เสี่ยงทำให้สุขภาพเสียได้ง่าย ๆ เลย แต่ที่จริงก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะในการดูแลตัวเอง ป้องกันตัวเองให้สุขภาพดีมากขึ้น ทั้งในเรื่องความสวยความงาม และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยเฉพาะช่วงนี้มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตนเองด้วยสมุนไพร หรือสิ่งที่หาได้จากธรรมชาติต่าง ๆ ที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการดูแลตนเอง
ถ้าพูดถึงหนึ่งในวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ให้คุณประโยชน์ทั้งในแง่ความงาม และสุขภาพ ‘น้ำผึ้ง’ น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทุกคนน่าจะนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ และยิ่งในปัจจุบันน้ำผึ้งสามารถหาได้ง่าย ใกล้ตัวมากยิ่งขึ้นการใช้สรรพคุณน้ำผึ้งในทางยา และความสวยงามก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วย ครั้งนี้ ‘วัตสัน’ จะมาชวนสาว ๆ มาเรียนรู้สรรพคุณน้ำผึ้ง เผื่อจะได้หยิบมาใช้งานเสริมทั้งความงาม และสุขภาพที่ดีในช่วงกักตัวครั้งนี้กันได้
น้ําผึ้งเดือน 5 คืออะไร
น้ำผึ้งเดือน 5 เป็นน้ำผึ้งที่อยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม – เมษายน (นับเดือนตามปฏิทินจันทรคติของไทย) ซึ่งเป็นช่วงงฤดูร้อน อากาศแห้งแล้งที่สุด ทำให้มีความชื้นในชั้นบรรยากาศน้อยมาก น้ำผึ้งที่ได้ในเดือนนี้จึงมีความเข้มข้นสูง ไม่ค่อยมีน้ำมาเจือปน รสชาติน้ำผึ้งจะมีความหอมหวาน มีคุณภาพเป็นเหมือนยาสมุนไพรจากดอกไม้หลากสายพันธุ์ เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้ พืชพันธุ์ในป่ากำลังผลิดอกออกใบ ทำให้ผึ้งสามารถเก็บน้ำหวานและเกสรดอกไม้ได้หลากหลาย
15 สรรพคุณน้ำผึ้ง
1. น้ำผึ้งช่วยดีทอกซ์ร่างกาย
สรรพคุณน้ำผึ้งข้อแรกที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ก็น้ำผึ้งสามารถช่วยดีทอกซ์ร่างกายได้ โดยในน้ำผึ้งมีแบคทีเรียชนิดดีทั้ง “โพรไบโอติกส์” และ “แลคโตบาซิลัส” ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง และสามารถขับถ่ายได้ดียิ่งขึ้น โดยสูตรการใช้สรรพคุณน้ำผึ้งในข้อนี้ วัตสันขอแนะนำให้ลองนำน้ำผึ้ง ผสมกับน้ำอุ่น และมะนาว ดื่ม 1 แก้วใหญ่ ๆ ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน ก่อนจะอาบน้ำแปรงฟัน รับรองว่าจะช่วยให้สามารถขับถ่ายได้ดี รู้สึกโล่งสบายรับยามเช้าแน่นอน
2. น้ำผึ้งช่วยบรรเทาอาการหวัด และเจ็บคอ
อย่างที่รู้กันดีว่าสรรพคุณน้ำผึ้งในทางยานั้นมากมาย สรรพคุณน้ำผึ้งที่นิยมมาใช้กันนั่นก็คือช่วยเพิ่มความชุ่มคอในช่วงที่มีอาการเจ็บคอ แต่รู้หรือไม่ว่าสรรพคุณทางยาของน้ำผึ้งนั้นยังสามารถช่วยบรรเทาอาการหวัดได้อีกด้วย เพราะน้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อได้ด้วย หากเริ่มมีอาการหวัด และเจ็บคอเมื่อไหร่อย่าลืมนึกถึงสรรพคุณน้ำผึ้งที่ช่วยบรรเทาอาการได้ เพียงแค่ผสมกับน้ำอุ่นและค่อย ๆ จิบทั้งวัน รับรองว่าช่วยได้แน่นอน
3. น้ำผึ้งช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
อีกสรรพคุณน้ำผึ้งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ก็คือน้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดอย่างเช่นช่วยลดความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือดได้ อาจจะเป็นเพราะน้ำตาลที่พบในน้ำผึ้งเป็นน้ำตาลประเภท ฟรุกโตส ซึ่งให้ความหวานเทียบเท่ากับน้ำตาลปกติ แต่ให้แคลอรีน้อยกว่า และสรรพคุณน้ำผึ้งยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นได้ช้ากว่าน้ำตาลปกติ น้ำผึ้งยังเป็นน้ำตาลที้เกิดจากผลไม้และดอกไม้ตามธรรมชาติ สรรพคุณน้ำผึ้งจึงมีวิตามินต่าง ๆ ที่มีคุณประโยชน์มากต่อร่างกายอีกด้วย
4. น้ำผึ้งช่วยรักษาแผล
เนื่องจากสรรพคุณน้ำผึ้งนั้นสามารถช่วยฆ่าเชื้อได้ ดังนั้นน้ำผึ้งก็สามารถช่วยรักษาแผล และสมานแผลให้แผลหายได้เร็วขึ้นด้วย โดยสามารถใช้ได้กับทั้งแผลสดและแผลเปื่อย โดยแผลสดก่อนที่จะใช้น้ำผึ้ง ควรล้างแผลให้แห้งด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงทาแผลด้วยน้ำผึ้งก่อนที่จะปิดด้วยผ้าพันแผล และเปิดแผลออกมาล้างทุกวันและทาด้วยน้ำผึ้งซ้ำ เนื้อแผลจะค่อย ๆ เป็นเนื้อแดงโดยไม่มีหนองและไม่ติดเชื้อ และก็จะมีผิวหนังใหม่ขึ้นมาปกคลุมแผล ส่วนแผลเปื่อยที่มีหนอง หรือคราบหนองให้ทำความสะอาดแผล และเอาหนองออกก่อน แล้วค่อยรักษาแผลด้วยน้ำผึ้งตามวิธีการข้างต้นได้เช่นเดียวกัน
5. น้ำผึ้งช่วยให้หลับสบาย
สรรพคุณน้ำผึ้งนอกจากช่วยในด้านสุขภาพแล้ว สรรพคุณน้ำผึ้งในการช่วยเรื่องความผ่อนคลายก็สามารถทำได้ดีไม่แพ้กัน สำหรับใครที่มักจะมีอาการนอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่สนิท วัตสันขอแนะนำให้นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำอุ่น หรือนมอุ่น ความหวานของน้ำผึ้งจะไปช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกดี และรู้สึกผ่อนคลายได้มากขึ้น และในน้ำผึ้งยังมีกรดเดซิโนอิค (Decenoic acid) ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้ดี และช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับได้อีกด้วย
6. น้ำผึ้งช่วยคลายความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
อย่างที่ได้บอกไปว่าน้ำผึ้งมีกรดที่สำคัญอย่างกรดเดซิโนอิค (Decenoic acid) ช่วยคลายเครียด และทำให้อารมณ์ดี และน้ำผึ้งยังมี น้ำตาลที่ย่อยง่าย เช่น น้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟรักโทส ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ เป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว ถ้าได้ดื่มน้ำผึ้งหลังออกกำลังกายจะรู้สึกสดชื่น หายเหนื่อยง่าย และฟื้นคืนกำลังได้อย่างรวดเร็ว สำหรับใครที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน เหนื่อยจากการเล่นกีฬา หรือมีการพักผ่อนน้อย ลองน้ำผึ้งปริมาณช้อนชาเล็ก ๆ ผสมกับน้ำดื่ม ทานหลังจากการทำงาน เล่นกีฬา หรือทานก่อนนอน สรรพคุณน้ำผึ้งจะช่วยบรรเทาความเมื่อยล้า ผ่อนคลายความเครียดได้ดีด้วย
7. น้ำผึ้งช่วยระงับประสาท ลดอาการหงุดหงิด
นอกจากช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ บรรเทาอาการเหนื่อยล้า ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย สรรพคุณน้ำผึ้งยังมีส่วนช่วยระงับประสาท ช่วยบรรเทาในเรื่องของอารมณ์และสภาพจิตใจได้ด้วย เพราะน้ำผึ้งน้ำผึ้งมีกรดที่สำคัญอย่างกรดเดซิโนอิค (Decenoic acid) กรดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยคลายเครียด และทำให้อารมณ์ดี และน้ำผึ้งยังมีมีสารกระตุ้นปฏิกิริยาทางชีวภาพหลายชนิด เช่น เอนไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการ ควบคุมการทำงานของระบบประสาทในร่างกายให้เป็นไปอย่างดีอีกด้วย
8. น้ำผึ้งช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น แก้ท้องผูก
ในน้ำผึ้งอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย นอกจากนั้นในน้ำผึ้งยังมีแบคทีเรียดี ประเภทแลคโตบาซิลัสที่มีชื่อว่า ‘ โพรไบโอติก ’ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงและช่วยสร้างสมดุลให้ระบบทางเดินอาหารอยู่ด้วย และน้ำผึ้งยังมีสรรพคุณช่วยให้กรดในกระเพาะอาหารเจือจางลงได้ น้ำผึ้งเลยเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยชั้นดีที่ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง สามารถขับถ่ายได้เป็นปกติ และยังช่วยลดกรดในกระเพาะ แก้ปัญหาท้องผูกไปได้ด้วย
9. น้ำผึ้งช่วยบำรุงกระเพาะอาหารให้ทำงานได้ดี
สรรพคุณน้ำผึ้งนอกจากช่วยบำรุงในเรื่องของระบบขับถ่ายและลำไส้แล้ว น้ำผึ้งเป็นประโยชน์ต่อกระเพาะอาหารอีกด้วย เพราะในน้ำผึ้งมีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งกรดของกระเพาะอาหาร ทำให้กรดในกระเพาะอาหารเจือจาง ลดการระคายเคืองได้ นอกจากนั้นน้ำผึ้งยังมีฤทธิ์สมานแผล จึงสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคกระเพาะได้อีกด้วย สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะ หรือเป็นโรคกระเพาะ ลองกินน้ำผึ้งก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง โดยการนำมาผสมกับน้ำอุ่นดื่ม จะช่วยบรรเทาอาการโรคกระเพาะ และลดกรดในกระเพาะลงได้
10. น้ำผึ้งช่วยชะลอวัย
หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินมาว่า สรรพคุณน้ำผึ้งนั้นเป็นยาอายุวัฒนาช่วยในการชะลอวัยได้ เป็นเพราะในน้ำผึ้งมีสารอนุมูลอิสระในกลุ่มสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติสุดมหัศจรรย์ทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเต่งตึงในการผิวพรรณ ทำให้การเกิดรอยเหี่ยวย่นเป็นไปได้ช้าลง ช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้ดูสวยงาม ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ และยังช่วยลดระดับคลอเรสเตอรัลในเส้นเลือดได้อีกด้วย วิธีการใช้สรรพคุณน้ำผึ้งก็ง่ายแสนง่าย เพียงรับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง หรือใช้แทนน้ำตาลในมื้ออาหารต่าง ๆ ก็จะช่วยให้ร่างการได้รับสรรพคุณน้ำผึ้งได้แล้ว
11. น้ำผึ้งช่วยให้ผิวสวย
สรรพคุณน้ำผึ้งในด้านความสวยความงามก็ถือว่าเด็ดไม่แพ้สมุนไพร และสารจากธรรมชาติอื่น ๆ โดยสรรพคุณน้ำผึ้งในแง่ของความงามนั้นสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกบนผิวหน้า และในน้ำผึ้งยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าสูตรการมาสก์หน้าด้วยตนเองก็มักจะหยิบเอาสรรพคุณของน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมเสมอ โดยสูตรมาสก์หน้าด้วยน้ำผึ่งง่าย ๆ ที่วัตสันอยากจะนำมาแนะนำก็คือ กล้วยบด ผสมกับโยเกิร์ต และน้ำผึ้ง นำมาพอกหน้าไว้ซักประมาณ 15 นาที รับรองว่าผิวหน้าเนียน นุ่ม ใส อย่างแน่นอน
12. น้ำผึ้งช่วยรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา
น้ำผึ้งมีสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ และน้ำผึ้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ นอกจากนั้นในน้ำผึ้งยังมีเอนไซม์ที่ผึ้งปล่อยออกมา เอนไซม์ที่ว่านี้ก็มีฤทธิ์คล้ายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จึงสามารถรักษาเชื้อราหรืออาการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ได้ด้วย และเนื่องจากสรรพคุณน้ำผึ้งช่วยลดการอักเสบ เลยมีส่วนช่วยบรรเทาอาการคัน และอักเสบของผิวหนังได้อีกด้วย
13. น้ำผึ้งช่วยลดสิว
สรรพคุณน้ำผึ้งที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ไม่ได้มีเพียงแค่ช่วยบำรุงให้ผิวสวย เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น หรือช่วยป้องกันโรคผิวหนังเท่านั้น แต่น้ำผึ้งยังมีสรรพคุณช่วยรักษาสิวอยู่ด้วย อย่างที่ได้บอกไปว่าน้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยต้านแบคทีเรีย ช่วยในการฆ่าเชื้อ และช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ บนผิวหน้า ไม่พอน้ำผึ้งยังมีส่วนช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินออกจากผิวหน้า ช่วยลดการอุดตันต่าง ๆ ของรูขุมขนบนใบหน้า ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวให้ลดลงไปได้อีกด้วย
14. น้ำผึ้งช่วยบำรุงเส้นผม
เลือกใช้ประโยชน์จากน้ำผึ้งบำรุงผิวกันได้แล้ว ต่อมาเป็นประโยชน์จากการใช้น้ำผึ้งช่วยในการบำรุงเส้นผมกันบ้าง โดยสรรพคุณน้ำผึ้งนั้นจะช่วยบำรุงให้เส้นผมแข็งแรงมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจจะสะสมอยู่บนหนังศีรษะโดยที่ไม่รู้ตัว โดยวิธีการใช้สรรพคุณน้ำผึ้งในข้อนี้คือหลังจากสระผมเสร็จ ให้ใช้น้ำผึ้งผสมกับน้ำมันมะกอก นำมาชโลมบนศีรษะให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วจึงล้างออก รับรองว่าเส้นผมจะนุ่มสลวยและแข็งแรงได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
15. น้ำผึ้งช่วยควบคุมน้ำหนัก ปรับสมดุลร่างกาย
บางคนอาจจะคิดว่าความหวานของน้ำผึ้งจะทำให้อ้วน แต่ความจริงแล้วความหวานของน้ำผึ้ง มีส่วนช่วยลดความอยากน้ำตาล หรืออยากของหวานน้อยลง พร้อมช่วยกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญสามารถสลายไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รูปร่างมีความกระชับ และน้ำหนักลดลงอย่างน่าพอใจอีกด้วย นอกจากนั้นในน้ำผึ้งยังมีแร่ธาตุต่าง ๆ อยู่ด้วย เช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ กรดอะมิโนจำเป็น และยังมีสารเอนติออกซิเดนท์ วิตามินบี วิตามินซี เป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยปรับสมดุลที่ดีให้ร่างกายได้ด้วย
คุณค่าทางโภชนาการของน้ำผึ้ง
หลังจากที่ได้รู้สรรพคุณน้ำผึ้งมาแล้ว ได้รู้แล้วว่าในน้ำผึ้งมีทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เลยอยากมาจำแนกให้เพื่อน ๆ ได้ทราบว่าในน้ำผึ้งมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างไรบ้าง เทียบจาก น้ำผึ้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 304 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 82.4 กรัม
- น้ำตาล 82.12 กรัม
- เส้นใย 0.2 กรัม
- ไขมัน 0 กรัม
- โปรตีน 0.3 กรัม น้ำ 17.10 กรัม
- วิตามินบี 1 0.038 มิลลิกรัม 3%
- วิตามินบี 3 0.121 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี 5 0.068 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี 6 0.024 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี 9 2 ไมโครกรัม 1%
- วิตามินซี 0.5 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุแคลเซียม 6 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุเหล็ก 0.42 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุแมกนีเซียม 2 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุฟอสฟอรัส 4 มิลลิกรัม 1%
- โพแทสเซียม 52 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุโซเดียม 4 มิลลิกรัม 0%
- ธาตุสังกะสี 0.22 มิลลิกรัม 2%
วิธีสังเกตว่าเป็นน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ
สำหรับวิธีการสังเกตน้ำผึ้งว่าเป็นน้ำผึ้งแท้หรือไม่ สามารถสังเกตได้จากหลายวิธี และเพื่อน ๆ สามารถทดสอบน้ำผึ้งแท้ได้จากวิธีการเหล่านี้
- ลองหยดน้ำผึ้งลงบนกระดาษทิชชู่ ถ้าเป็นน้ำผึ้งปลอมจะมีน้ำซึมออกมา ทำให้กระดาษทิชชู่ทะลุได้
- ลองตักขึ้นมาดู แล้วเทน้ำผึ้งลง ถ้าตอนเทลงไปน้ำผึ้งไหลต่อกันเป็นสายแสดงว่าอาจเป็นน้ำผึ้งแท้
- ลองนำน้ำผึ้งไปละลายน้ำ ถ้าน้ำผึ้งยังจับตัวเป็นก้อน ละลายยาก จะเป็นน้ำผึ้งแท้
- ลองเทน้ำผึ้งลงบนฝ่ามือ ถ้าล้างออกง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้
- ลองจุดไฟที่กระดาษทิชชูตรงบริเวณที่มีน้ำผึ้งอยู่ ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะติดไฟ เพราะน้ำผึ้งปลอมที่ผสมน้ำตาลจะจุดไฟไม่ติด
- สังเกตจากการตรวจดูฉลากต้องมีสัญลักษณ์ อย. หรือมีการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ
ข้อควรระวัง ในการทานน้ำผึ้ง
- ควรกินโดยเฉลี่ย วันละ 1-2 ช้อน หรือประมาณ 20 กรัม แต่ไม่ควรเกิน 50 กรัม/วัน
- ไม่ควรกินน้ำผึ้งร่วมกับเต้าหู้ ผักกุยช่าย หัวหอม และกระเทียม สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบ สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ สตรีที่ให้นมบุตร คนที่แพ้เกสรน้ำผึ้ง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน คนที่มีอาการท้องเสียหรือถ่ายเหลว และผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน หรือมีผิวหนังอักเสบเรื้อรังไม่ควรกิน
- ไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนจัดผสมน้ำผึ้ง ควรผสมน้ำอุ่นประมาณ 40 องศา เพื่อไม่ให้ทำลายคุณค่าของเอนไซม์ กรดอะมิโน และวิตามินในน้ำผึ้ง
- ผู้ป่วยเบาหวานควรปรึกษาโภชนากรหรือแพทย์ หากต้องการบริโภคน้ำผึ้ง
สรรพคุณน้ำผึ้งสามารถช่วยให้ชาววัตสันได้ทั้งดูแลสุขภาพ และความงามได้ครบวงจร แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างนั้นควรจะต้องใช้อย่างพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไปเพื่อให้สรรพคุณน้ำผึ้งสามารถส่งผลต่อร่างกายได้อย่างเต็มที่ ส่วนครั้งหน้าวัตสันจะมีสาระดี ๆ เรื่องอะไรมาฝากทุกคนอีกก็อย่าลืมติดตามกันได้ทุกช่องทาง
ข้อมูลอ้างอิง
ประโยชน์ของน้ําผึ้ง พร้อมคำตอบ น้ำผึ้งเดือน 5 คืออะไร สรรพคุณอัดแน่น! https://food.trueid.net/detail/YrLxJjkmD69r
ประโยชน์จากธรรมชาติ น้ำผึ้งเดือนห้า https://www.hongthongrice.com/v2/blog/beauty-health/honey-bee/
น้ำผึ้ง ดีต่อสุขภาพ https://www.thaihealth.or.th/น้ำผึ้ง-ดีต่อสุขภาพ-2/
คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ
- โทนเนอร์คืออะไร จำเป็นไหม และใช้ตอนไหนดี
- 10 ลายเล็บเจลขับผิว ช่วยให้นิ้วขาว มือดูสวยผ่อง
- โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
- เหตุผลที่คุณควรเลือกมาส์กชีทที่พัฒนาสูตรโดยแพทย์ผิวหนังเกาหลี
- 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลมอ้วนช่วยพรางหน้าให้เรียวเล็ก