Get the App
DOWNLOAD NOW
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
Find a Store Blog
Watsons Services
0
MY BAG
Share

            ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำงานของคนออฟฟิศในทุกวันนี้มีภาวะความเครียด และกดดันที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้หลายคนต้องหลีกหนีความเครียด และให้กำลังใจตัวเองด้วยบรรดาของหวานหลากหลายชนิด หรือน้ำหวานแก้วใหญ่เพื่อที่จะได้ช่วยฮีลใจ มีแรงพร้อมกลับมาทำงาน แต่ทั้งในขนมหวาน น้ำหวาน หรืออาหารอื่นๆที่เราบริโภคประจำวันอาจจะเป็นภัยร้ายแฝงที่ก่อให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวานได้ ด้วยความห่วงใยสุขภาพของทุกคน ‘วัตสัน’ จึงของรวบรวมลิสต์อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ถ้าไม่อยากให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวาน จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

8 อาหารที่ควรเลี่ยง ลดความเสี่ยงโรคแทรกซ้อน เบาหวาน

1.ทุเรียน อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

ทุเรียน อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

            ฮีลใจในวันเหนื่อยล้า ถ้าได้ทุเรียนมันๆ หวานๆ มาช่วยก็คงทำให้อารณ์ดีได้มากขึ้น แต่ทุเรียนก็เป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากคุณไม่อยากจะต้องพบเจอกับโรคแทรกซ้อนเบาหวาน เพราะในทุเรียนถึงแม้บางลูกจะรสไม่หวานมากแต่ก็มีปริมาณน้ำตาลในรูปแบบแป้งค่อนข้างสูง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเบาหวานได้ด้วย


2.ซีเรียลเคลือบน้ำตาลเป็น อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

ซีเรียลเคลือบน้ำตาลเป็น อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

            ช่วงเวลาเช้าที่ต้องเร่งรีบออกจากบ้านไปเรียน หรือไปทำงาน “ซีเรียล” น่าจะกลายมาเป็นตัวเลือกอาหารเช้าอันดับแรกๆแน่นอน เพราะทั้งง่าย และสะดวก แต่ถ้าไม่อยากจะต้องพบกับภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวานคงจะต้องเลือกชนิดซีเรียลสำหรับทานเป็นมื้อเช้ากันซักนิด ด้วยอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือซีเรียลที่เคลือบน้ำตาล เปลี่ยนเป็นซีเรียลธัญพืชธรรมชาติแทน และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงอีกอย่างก็คือนมรสหวาน ลองเปลี่ยนเป็นนมจืดเข้าคู่กับเพื่อการเริ่มต้นมื้อเช้าที่ดีและไม่ต้องเสี่ยงภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวานด้วย


3. ข้าวขัดสี หนึ่งในอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

ข้าวขัดสี หนึ่งในอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

            แม้ว่าข้าวจะเป็นอาหารจานหลัก แต่หากอยากจะเลี่ยงภาวะเสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน ก็อาจจะต้องเลือกชนิดข้าวที่จะบริโภคกันซักนิด โดยเปลี่ยนประเภทจากข้าวขัดขาวซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว และเป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงซึ่งแปรรูปเป็นน้ำตาลทันทีเมื่อเข้าสู่ร่างกาย เปลี่ยนเป็นข้าวไม่ขัดขาวซึ่งจะไม่แปรรูปเป็นน้ำตาลทันที ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้น้อยกว่า และช้ากว่า ซึ่งจะช่วยลดภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวานได้ด้วย


4. ผลไม้แปรรูป อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

ผลไม้แปรรูป อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

            เริ่มเข้าช่วงบ่าย ร่างกายก็ประท้วงอยากจะนอน แถมปากก็ว่างอาจจะทำให้งานไม่เดิน ขนมที่ชาวออฟฟิศหลายๆคนเลือกติดโต๊ะไว้ก็คงหนีไม่พ้นผลไม้แปรรูปต่างๆ ที่นอกจากจะเก็บไว้ได้นานแล้วยังมีรสชาติจี๊ดจ๊าดสะใจช่วยทำให้ตื่นได้ด้วย แต่รู้หรือไม้ว่าผลไม้แปรรูปก็เป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากเสี่ยงภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวาน เพราะในผลไม้แปรรูปมักจะอุดมได้ด้วยน้ำตาลที่ใส่เพิ่มเข้าไปจากบรรดาผลไม้สดที่มีรสหวานอยู่แล้ว หากทานบ่อยๆก็อาจจะเป็นสาเหตุของโรคแทรกซ้อนเบาหวานได้


5. เนื้อสัตว์แปรรูปเป็น อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

เนื้อสัตว์แปรรูปเป็น อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

            เนื้อสัตว์แปรรูปคือเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการแปรรูปไปเพื่อยืดอายุของเนื้อสัตว์นั้นๆ โดยนิยมการรักษาสภาพด้วยเกลือ โซเดียม หรือน้ำตาล ดังนั้นจึงเป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในการรับประทานบ่อยๆ เพราะทั้งโซเดียม เกลือ น้ำตาล ล้วนเป็นตัวต้นเหตุที่อาจจะก่อให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวาน อีกทั้งยังเป็นตัวการร้ายที่เป็นต้นเหตุของโรคอีกมากมายด้วย


6. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อีกหนึ่งอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อีกหนึ่งอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

            สิ้นเดือนก็เหมือนสิ้นใจ เพื่อนยามยากที่พอจะช่วยได้คงหนีไม่พ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต่างๆ แต่อาจจะต้องทานแต่พอดีหรือถ้าใครที่มีภาวะโรคแทรกซ้อนโรคเบาหวาน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็อาจจะกลายเป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะส่วนประกอบหลักของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็คือแป้งข้าวขัดสี และโซเดียม ยังไม่นับรวมถึงเครื่องปรุงที่อัดแน่นไปทั้งโซเดียมและน้ำตาล ซึ่งเป็นตัวการที่อาจจะทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวานได้


7.แกงกะทิ และขนมหวานที่มีส่วนผสมของกะทิ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

แกงกะทิ และขนมหวานที่มีส่วนผสมของกะทิ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

            ทั้งหอม ทั้งมัน ใครจะไปอดใจให้กับกะทิได้ไหว และยิ่งอาหารและขนมไทยแสนอร่อยหลากชนิดก็มีส่วนผสมหลักเพิ่มความนัวด้วยกะทิเช่นเดียวกัน แต่ต้องของแสดงความเสียใจด้วยที่นี่ก็เป็นหนึ่งในลิสต์ของอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงทานในปริมาณมาก หรือบ่อยๆหากไม่ต้องการพบเจอกับภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวาน เพราะในกะทิมีไขมันอยู่ปริมารมาก อีกทั้งในอาหารที่มีส่วนประกอบด้วยกะทิก็มักจะมีมีรสค่อนไปทางหวาน ไปจนถึงหวานจัด ซึ่งเป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่มีภาวะเสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน


8. น้ำหวานต่างๆ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

น้ำหวานต่างๆ หนึ่งในอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงโรคแทรกซ้อนเบาหวาน

            ไม่ว่าจะกาแฟหวานฉ่ำ เพิ่มด้วยวิปครีม ชานมไข่มุกแก้วโต น้ำหวานสีต่างๆ รวมไปถึงน้ำผลไม้ปั่นเย็นชื่นใจ เหล่านี้คืออาหารที่ควรหลีกเลี่ยงด่วนๆหากไม่อยากพบกับภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวาน เพราะทั้งหมดที่กล่าวมานี้มีปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก (แม้คุณจะสั่งหวานน้อยแล้วก็ตามที) อีกทั้งทอปปิ้งที่เพิ่มขึ้นมาอย่างวิปครีมก็ยังมีปริมาณไขมันสูงซึ่งเป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากประสบปัญหาโรคแทรกซ้อนเบาหวานเช่นกัน

            ลิสต์อาหารควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง หรือมีภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวานที่ ‘วัตสัน’ รวบรวมมาให้ในครั้งนี้น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลภาวะโรคแทรกซ้อนเบาหวานให้ได้เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง สุขภาพก็จะดีได้อย่างยั่งยืนแน่นอน


คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

11 ไอเดียของขวัญวันแม่ ซื้ออะไรให้แม่ดีประจำปี 2024

Next

10 ไอเดียการแต่งตัวแต่งหน้าคุมโทน สไตล์สาวเอเชีย

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2024
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลมอ้วนช่วยพรางหน้าให้เรียวเล็ก
  7. รีวิว needly toner pad โทนเนอร์แพดผิวใสทั้ง 4 สูตร
  8. เหตุผลที่คุณควรเลือกมาส์กชีทที่พัฒนาสูตรโดยแพทย์ผิวหนังเกาหลี
  9. 10 ลายเล็บเจลขับผิว ช่วยให้นิ้วขาว มือดูสวยผ่อง
  10. โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
  11. โทนเนอร์คืออะไร จำเป็นไหม และใช้ตอนไหนดี
*/?>