Get the App
DOWNLOAD NOW
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
Find a Store Blog
Watsons Services
0
MY BAG
Share

คุณเคยไหมกับอาการหมดไฟในการทำงาน หากความเครียดอย่างต่อเนื่องทำให้คุณรู้สึกหมดหนทาง ท้อแท้ และหมดแรง แสดงว่าคุณกำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความเหนื่อยหน่าย และพร้อมที่จะเกิดอาการ Burnout Syndrome

Burnout Syndrome คือ การหมดไฟในการทำงาน แม้มันจะไม่เหมือนกับภาวะซึมเศร้า แต่มันก็ส่งผลกับชีวิตของคุณไม่ต่างกัน แท้จริงแล้ว Burnout Syndrome คืออะไร อาจเรียกอีกอย่างได้ว่าอาการ Burnout Syndrome ก็คือ สภาวะเหนื่อยล้าอย่างหนึ่ง

ซึ่งก่อนที่เราจะพาคุณไปทำความรู้จักอาการ Burnout Syndrome ให้มากขึ้น เราอยากให้คุณเช็คก่อนว่าคุณกำลังเสี่ยงที่จะเป็น Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือไม่หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ และรู้สึกเหมือนทุกวันเป็นวันที่แย่

  • รู้สึกเหนื่อยไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ทำงานหรือที่บ้าน
  • คุณมีท่าทางเหนื่อยตลอดเวลา
  • คุณรู้สึกว่าในแต่ละวันงานที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย
  • คุณรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ทำลงไปแล้วเกิดความแตกต่างหรือได้รับการชื่นชม

หากคุณกำลังรู้สึกว่าสิ่งที่ได้อ่านมานั้นมีบางข้อ หรือทุกข้อคือสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่ ก็อย่าเพิ่งรีบกังวลใจไป เพราะในบทความนี้เราจะมาช่วยกันแก้ไข และปลุกไฟก่อนคุณจะหมดไฟในการทำงาน

Burnout Syndrome คืออะไร

Burnout Syndrome คือ สภาวะความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ ร่างกาย และจิตใจ

Burnout Syndrome คือ สภาวะความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ ร่างกาย และจิตใจซึ่งเกิดจากความเครียดที่มากเกิดไปและสะสมเป็นเวลานาน สภาวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย หมดอารมณ์ และไม่สามารถทำอะไรที่ตอบสนองความต้องการของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อคุณเริ่มสะสมความเครียด คุณจะเริ่มสูญเสียความสนใจและแรงจูงใจในด้านอื่น ๆ จนในท้ายที่สุดคุณก็จะหมดไฟในการทำงาน

ความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นนั้นจะลดประสิทธิภาพในการทำงาน และดูดพลังงานในร่างกายของคุณไปโดยเปล่าประโยชน์ ทำให้คุณรู้สึกหมดหนทาง สิ้นหวัง เหมือนโดนดูถูก และขุ่นเคืองมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดคุณจะรู้สึกว่าคุณไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว

ผลกระทบด้านลบนี้จะแผ่ซ่านไปทั่วทุกด้านของชีวิตคุณไม่ใช่แค่การหมดไฟในการทำงาน ซึ่งจะรวมถึงที่บ้าน และการใช้ชีวิตในสังคมของคุณด้วย

นอกจากนี้ความเหนื่อยยังทำให้ร่างกายของคุณเกิดการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ซึ่งจะทำให้คุณเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย เช่น หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ดังนั้น Burnout Syndrome คือ สิ่งสำคัญที่เราต้องดูแลและจัดการ

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะ Burnout Syndrome คืออะไร

การมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากเกินไปส่งผลให้หมดไฟในการทำงาน

เราได้แบ่งสาเหตุหลัก ๆ ของการเกิด Burnout Syndrome ออกเป็น 4 ปัจจัย ได้แก่

1. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับงาน

การที่คุณมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในการทำงานมากเกินไปอาจทำให้ส่งผลลบต่าง ๆ และเมื่อไม่เป็นอย่างที่คุณคาดหวังในที่ทำงานมันจะทำให้คุณเกิดอาการวิตกกังวลจนหมดไฟในการทำงานได้

2. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

สภาพแวดล้อมในการทำงานนั้นสำคัญมาก ยิ่งหากคุณถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่คุณไม่ชอบ หรือไม่ได้รับการฝึกฝนมานั้นอาจทำให้คุณรู้สึกเบื่อหน่ายจนหมดไฟในการทำงาน นอกจากนี้เพื่อนร่วมงานและเงินเดือนก็เป็นส่วนสำคัญของการหมดไฟในการทำงานเช่นเดียวกัน

3. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์

แน่นอนว่าเมื่อคุณทำงานหนักเกินไปคุณจะไม่มีเวลาพักผ่อน หรือแม้แต่การเป็นหัวหน้าครอบครัวก็ยิ่งทำให้คุณมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น นั่นอาจทำให้คุณเกิดสภาวะหมดไฟในการทำงานได้

4. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะส่วนบุคคล

ถ้าโดยพื้นเพแล้วคุณเป็นคนที่เครียดง่าย และเป็นคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ หรือเป็นคนที่คาดหวังกับงานมากเกินไป ก็อาจทำให้คุณเกิดสภาวะหมดไฟในการทำงานนี้ได้เช่นกัน

วิธีการปลุกไฟให้กับตัวเองเพื่อพร้อมเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ

ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นวิธีแก้อาการหมดไฟในการทำงาน

เรารู้ดีว่าภาวะ Burnout Syndrome คือ ตัวการทำให้เกิดอาการทางร่างกาย เช่น นอนไม่หลับ วิตกกังวล รู้สึกหมดไฟในการทำงาน อาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ และปวดเมื่อยตามร่างกายได้เช่นกัน ก่อนที่ประสิทธิภาพในการทำงานของเราจะลดมากไปกว่านี้ เรามาดูวิธีการปลุกไฟให้กับตัวเองกันดีกว่าค่ะ

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นวิธีแก้อาการหมดไฟในการทำงาน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • ลดการดื่มเหล้า และสูบบุหรี่
  • หาวันหยุดเพื่อพักผ่อน
  • รักษาสมดุลชีวิตด้วยการกำหนดระยะเวลาในการทำงานแต่ละวัน
  • ขอความคิดเห็นและความช่วยเหลือจากผู้อื่นบ้าง
  • ทำงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบในวันหยุด
  • ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ลดการใช้สื่อ โซเชียลมีเดีย

ไม่มีอะไรสายเกินแก้นั่นเป็นสิ่งที่คุณรู้ดี แต่ปัญหาคือคุณจะเริ่มแก้มันเมื่อไรนั่นเอง เราอยากบอกคุณว่าหากคุณอยู่ในสภาวะ Burnout Syndrome คือ คุณได้ผ่านอะไรมาเยอะแยะมากมายแล้ว

ดังนั้นมันถึงเวลาแล้วที่คุณจะหันมาดูแลตัวเองก่อนจะหมดไฟในการทำงานไปมากกว่านี้ เพราะทุกครั้งที่คุณดูแลตัวเอง นั่นเท่ากับคุณได้ดูแลสิ่งรอบข้างของคุณไปด้วย วัตสันเราเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

Previous

6 วิธีรักษาผมขาดหลุดร่วงจากการยืด ดัด และการย้อมผม

Next

เผยทุกทริค 'กระโดดเชือกลดน้ำหนัก' ตั้งแต่การเลือกเชือก ถึงสเต็ปการกระโดดให้น้ำหนักลดตามเป้า

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2024
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. 10 โฟมล้างหน้าลดสิวเสี้ยน หน้าเนียนใส ห่างไกลสิว
  7. ส่อง! 20 ประโยชน์ของ NAC (N-Acetylcysteine)
  8. วิธีล้างแปรงแต่งหน้า พัฟแต่งหน้า ด้วยคลีนเซอร์ง่าย ๆ
  9. รีวิวแป้งฝุ่นศรีจันทร์ Gen 1 ปะทะ Gen 2 ต่างกันยังไง? ใช้ตัวไหนดีนะ?
  10. รีวิว needly toner pad โทนเนอร์แพดผิวใสทั้ง 4 สูตร
  11. 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลม ปรับลุคใหม่หน้าเรียวเล็ก น่ารัก ไม่ต้องง้อหัตการ