Get the App
DOWNLOAD NOW
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
Find a Store Blog
Watsons Services
0
MY BAG
Share

สาวๆ ชาวออฟฟิศเคยสังเกตไหมว่าร่างกายของคุณกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เพียงแต่คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าอาการเหล่านั้นคืออะไร และอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหล่านั้น

ที่สำคัญสัญญาณเหล่านั้น อาจกำลังบ่งบอกถึงโรคร้ายที่กำลังจะเกิดกับร่างกายของคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะสาวออฟฟิศส่วนใหญ่นั้นกำลังประสบกับโรคร้ายนี้ โดยที่บางคนอาจไม่รู้ตัว

ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงโรคออฟฟิศซินโดรมนั่นเอง เราไปทำความรู้จักกันดีกว่าว่าออฟฟิศซินโดรมคืออะไร ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เข้ารักษาออฟฟิศซินโดรมเป็นจำนวนไม่น้อย และดูเหมือนว่าจะเป็นโรคที่คนยุคใหม่เป็นกันมากพอสมควร 

ด้วยพฤติกรรมการทำงานและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ปัจจุบัน คนวัยทำงานไม่ค่อย เคลื่อนไหวเหมือนแต่ก่อน อย่างการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ และก้มดูมือถือเป็นเวลานานๆ 

สำหรับ ออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด รวมถึงอาการปวดหรือชาจากอาการอักเสบจากเนื้อเยื่อและเอ็น เนื่องมาจากรูปแบบการทำงานที่ใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ เป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง 

ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณ คอ หลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ ซึ่งอาการปวดดังกล่าวอาจลุกลามจนกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง ดังนั้น เพื่อที่คุณ จะได้รักษาออฟฟิศซินโดรมได้ทัน เราไปเช็คกันดีกว่าว่าคุณมีอาการที่เข้าข่าย ออฟฟิศซินโดรม หรือเปล่า 



อาการที่เข้าข่าย ออฟฟิศซินโดรม

1.ปวดกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน

ปวดกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนเป็นอาการของออฟฟิศซินโดรม

เช่น หลัง คอ บ่า ไหล่ สะบัก มักจะรู้สึกปวดเป็นวงกว้าง อาจมีอาการปวดร้าวทั่วไปบริเวณใกล้เคียงร่วมด้วยและอาการปวดอาจมีตั้งแต่ปวดเล็กน้อยไปจนถึงปวดรุนแรงทรมานได้

2.ปวดตึงที่ขาและมีอาการเหน็บชา

ปวดตึงที่ขาและมีอาการเหน็บชา คือ อาการของออฟฟิศซินโดรม


เกิดจากการนั่งนานมากเกินไปทำให้เส้นเลือดดำถูกกดทับส่งผล ให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ

3.ปวดตาและมีอาการตาแห้ง

ปวดตาและมีอาการตาแห้งเป็นอีกอาการของออฟฟิศซินโดรม


ไม่แปลกเลยเพราะสาเหตุของอาการเหล่านี้อาจมาจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือมากเกินไปโดยไม่ได้พักสายตา และมักจะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวตามมา

4.ปวดหัว

ปวดหัวเป็นหนึ่งในอาการออฟฟิศซินโดรม


อาจมีอาการปวดไมเกรนร่วมด้วยมักเกิดจากการปวดบริเวณบ่าหรือตาแล้วลามไปถึงหัวได้เพราะเลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงส่วนหัวได้สะดวก

5.ปวดข้อมือ นิ้วล็อค

ปวดข้อมือ นิ้วล็อคอีกหนึ่งในอาการออฟฟิศซินโดรม


อาจมีอาการมือชาร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นจับเมาส์ในตำแหน่งเดิมนานๆ หรือการออกแรงที่นิ้วมือมากๆ และบ่อยครั้งทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบ  

หลังจากเช็คอาการต่างๆ แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะสาวๆ ตรงไปกี่ข้อเอ่ย? แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะในบทความนี้ไม่เพียงแต่จะพาคุณมาเช็คอาการแล้วยังมีท่าเคลื่อนไหวเพื่อรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ทำได้ง่ายๆ แม้นั่งอยู่ในออฟฟิศ อ่านแล้วก็อย่าลืมทำตามไปด้วยนะคะ



ท่าเคลื่อนไหวสำหรับการรักษาออฟฟิศซินโดรม

1.ท่ายืดกล้ามเนื้อหลัง

ท่ายืดกล้ามเนื้อหลังเป็นท่าพื้นฐานในรักษาออฟฟิศซินโดรม


นำมือประสานกัน จากนั้นเหยียดไปข้างหน้าจนสุดแล้วค้างไว้ 10-20 วินาที ทำซ้ำ 2 ครั้ง ท่านี้เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานในรักษาออฟฟิศซินโดรม

2.ท่ายืดกล้ามเนื้อต้นแขน

ท่ายืดกล้ามเนื้อต้นแขนเพื่อรักษาออฟฟิศซินโดรม


ท่ารักษาออฟฟิศซินโดรมนี้คล้ายกับท่าแรก นำมือประสานกัน จากนั้นยกขึ้นเหนือหัว เหยียดขึ้นไปจนสุดและค้างไว้ 10-20 วินาที ทำซ้ำ 2 ครั้ง 

3.ท่ายืดกล้ามเนื้อแขนและเอว

ท่ายืดกล้ามเนื้อแขนและเอวเพื่อรักษาออฟฟิศซินโดรม


ให้ชูมือข้างขวาขึ้นเหนือศีรษะโดยให้แขนแนบกับใบหู จากนั้นเอนตัวไปทางด้านซ้ายจนรู้สึกตึงบริเวณเอว ค้างไว้ 10-20 วินาที เสร็จแล้วสลับข้าง ทำซ้ำ 2 ครั้ง

4.ท่าคลายกล้ามเนื้อคอ ไหล่

 ท่าคลายกล้ามเนื้อคอ ไหล่เพื่อรักษาออฟฟิศซินโดรม


สำหรับท่ารักษาออฟฟิศซินโดรมนี้ ให้นำมือทั้งสองข้างไขว้หลังแล้วจับข้อมือไว้ จากนั้นก้มหน้าลงและเอียงคอไปด้านขวา พร้อมกับดึงมือซ้ายไปทางขวา ทำค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นให้สลับข้าง ทำข้างละ 2 ครั้ง 

5.ท่าบริหารข้อมือ

ท่าบริหารข้อมือเป็นอีกท่าพื้นฐานในรักษาออฟฟิศซินโดรม


ให้เหยียดแขนทั้งสองไปข้างหน้าใช้มือซ้ายจับฝ่ามือขวาแล้วดันข้อมือขวาเข้าหาตัวจนรู้สึกตึง บริเวณด้านในของข้อศอกขวา ทำค้างไว้ 10 วินาที แล้วจึงสลับข้าง ทำข้างละ 2 ครั้ง ท่านี้เป็นอีกท่าพื้นฐานในรักษาออฟฟิศซินโดรม

นอกจากท่าเคลื่อนไหวเพื่อรักษาออฟฟิศซินโดรมแล้ว สภาพแวดล้อมในการทำงานยังมีส่วนสำคัญในการแก้ออฟฟิศซินโดรม เช่น การปรับระดับความสูงของโต๊ะ และเก้าอี้ที่ทำงานให้เหมาะสม พักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ทุกๆ 10 นาที การเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกๆ 1 ชั่วโมง และออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์

มายืดเส้นยืดสายลดอาการปวดกันค่ะ


👥 เกาะติดโปรโมชั่น พร้อมอัพเดท Lifestyle ที่ Facebook https://www.facebook.com/watsonsthailand
📱 แอปพลิเคชั่น โหลดฟรี! https://watsonsonline.store/apphomepage
💚 แอดไลน์วันนี้ ไม่พลาดทุกโปรโมชั่น! LINE Official Account https://line.me/R/ti/p/@watsonsth?from=page
🌈อัพเดททุกเทรนด์ก่อนใคร ที่ Twitter https://twitter.com/WatsonsThailand
📷 ติดตามเคล็ดลับสุขภาพและความงามที่ Instagram https://www.instagram.com/watsonsth/
💟ส่องเทรนด์มาแรงไปกับเรา https://www.tiktok.com/@watsonsth?lang=th-TH

คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

รีวิว 5 สูตรมาร์คหน้าลดรอยสิว กู้ผิวใสในงบประหยัด

Next

10 ครีมอาบน้ำตัวหอม เพื่อเสน่ห์เย้ายวนใจ น่าหลงใหล

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2024
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลมอ้วนช่วยพรางหน้าให้เรียวเล็ก
  7. รีวิว needly toner pad โทนเนอร์แพดผิวใสทั้ง 4 สูตร
  8. เหตุผลที่คุณควรเลือกมาส์กชีทที่พัฒนาสูตรโดยแพทย์ผิวหนังเกาหลี
  9. 10 ลายเล็บเจลขับผิว ช่วยให้นิ้วขาว มือดูสวยผ่อง
  10. โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
  11. โทนเนอร์คืออะไร จำเป็นไหม และใช้ตอนไหนดี
*/?>