All

AHA BHA คืออะไร ต่างกันอย่างไร ช่วยให้หน้ากระจ่างใสไร้สิวได้จริงไหม

บำรุงผิว / 2025-04-24

by nongnuchpo 88

ปัญหาสิว ผิวไม่สม่ำเสมอ น่าจะเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายคน สำหรับใครที่มีปัญหาสิวและผิวไม่สม่ำเสมออยู่ก็ไม่ต้องกังวลมากไป วัตสันอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกับสารบำรุง “ AHA และ BHA “ กันก่อน เพราะกรด 2 ตัวนี้ เป็นอีกหนึ่งสารบำรุงที่เหมาะกับคนเป็นสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอมาก ๆ เลยอยากชวนเพื่อน ๆ ทำความรู้จัก AHA และ BHA คืออะไร? ทำหน้าที่ยังไง และมีสกินแคร์และเซรั่มที่มี AHA BHA ยี่ห้อไหนดีบ้าง ลองตามไปดูกัน

ทำความรู้จัก AHA BHA คืออะไร?

กรด AHA และ BHA เป็นสารประกอบประเภท Active Ingredient ที่มีฤทธิ์เป็นกรด มีส่วนกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวได้ดี และยังช่วยในการปรับสภาพผิวให้อยู่ในค่า pH ที่เหมาะสม ซึ่งทั้ง AHA และ BHA จะถูกสกัดออกมาจากต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน และมีหน้าที่หลักไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นยังมีชื่อเรียกเฉพาะแต่ละแบบขึ้นอยู่กับต้นกำเนิดที่ได้ทำการสกัดมาอีกด้วย

AHA คือ

AHA (Alpha Hydroxy Acid) เป็นสารออกฤทธิ์เป็นกรดที่สามารถสกัดได้จากธรรมชาติ ต้นกำเนิดของสารประกอบ AHA สามารถพบได้ทั่วไป เช่น สกัดจากผักผลไม้อย่างองุ่น, แอปเปิล, มะนาว, อ้อย จนถึงนมเปรี้ยว หรือจะเรียกได้ว่า AHA เป็นกรดผลไม้ชนิดหนึ่งก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น กรดซิตริค (Citric Acid), กรดมาลิก (Malic Acid), กรดแลคติค (Lactic Acid), กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) หรือกรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) เป็นต้น ซึ่ง AHA ไม่สามารถละลายในน้ำมันได้

ส่วนหน้าที่ของ AHA คือ ทำให้ผิวหนังชั้นนอกหรือชั้นขี้ไคลหลุดออกไป กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยสร้างผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวมีความกระจ่างใส เรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย และบรรเทารอยดำรอยแดงจากสิว

BHA คือ

BHA (Beta Hydroxy Acid) เป็นสารออกฤทธิ์เป็นกรด ทนต่อความร้อน ไม่เสื่อมง่าย มีหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก ทำให้ผิวกระจ่างใส และ BHA สามารถละลายได้ดีในน้ำมัน เลยสามารถทำความสะอาดผิวที่มีความมันได้ดีกว่า พร้อมกับช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรก สิ่งอุดตันรูขุมขนอย่างล้ำลึก ทั้งยังช่วยลดการอักเสบและอุดตันของสิว ปรับสภาพรูขุมขนให้เล็กลง และยังช่วยลดความมันได้ดีด้วย ยกตัวอย่างของสารประกอบ เช่น กรดซาลิซิลิก (Salicilic Acid)

AHA BHA มีความแตกต่างกันยังไง?

ทั้ง AHA และ BHA คือ สารประกอบที่เป็นกรดเหมือนกัน ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวได้เหมือนกัน แต่ AHA และ BHA จะมีความแตกต่างกันที่ตัวละลาย คือ AHA สามารถละลายได้ในน้ำ ส่วน BHA ละลายได้ดีในไขมัน ทำให้ BHA สามารถแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวได้ดีกว่าโดยที่ไม่ทำให้ผิวอุดตัน นอกจากนั้นประโยชน์หลัก ๆ และยังมีการใช้กับสภาพผิวที่แตกต่างกันด้วย AHA จะเน้นไปที่การผลัดเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้า ทำให้ผิวกระจ่างใสเรียบเนียน ส่วนBHA จะเน้นการทำความสะอาดรูขุมขนและลดการอักเสบของผิว

AHA BHA เหมาะกับใครบ้าง?

อย่างที่ได้บอกไปว่า AHA และ BHA คือ สารประกอบที่เป็นกรดเหมือนกัน ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวได้เหมือนกัน แต่ AHA และ BHA จะมีความแตกต่างกัน มีความสามารถในการละลาย และมีหน้าที่หลักไม่เหมือนกัน AHA และ BHA เลยเหมาะใช้กับสภาพผิวที่แตกต่างกันด้วย สามารถจำแนกออกมาได้ ดังนี้

สภาพผิวที่เหมาะใช้ AHA

เหมาะกับคนธรรมดา หรือคนผิวแห้ง
เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวคล้ำเสียจากแดด
เหมาะกับคนที่มีปัญหาจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย
ไม่แนะนำสำหรับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือคนที่เป็นสิวง่าย

สภาพผิวที่เหมาะใช้ BHA

เหมาะกับคนผิวธรรมดา หรือผิวมัน
เหมาะกับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
เหมาะกับคนที่เป็นสิว มีปัญหาสิวเสี้ยน
เหมาะกับคนที่มีปัญหาโรคผิวหนัง เป็นเนื้อนูน แข็ง หนา อย่างหูด ตาปลา ส้นเท้าแตก
ไม่ค่อยแนะนำสำหรับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย

AHA ช่วยทำให้ผิวหนังชั้นนอกหรือชั้นขี้ไคลหลุดออกไป

ประโยชน์ของ AHA BHA คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาผิวอย่างไร?

สำหรับหน้าที่ที่คล้ายกันของ AHA และ BHA ก็คือการผลัดเซลล์ผิว แต่จะต่างกันตรงที่ AHA จะผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ในขณะที่ BHA ผลัดเซลล์ผิวถึงรูขุมขน และ BHA ยังเน้นไปที่การปลอบประโลมผิว ทำความสะอาด และลดการอักเสบมากกว่าการเน้นให้ผิวมีความเรียบเนียนกระจ่างใสด้วย นอกจากนั้น AHA และ BHA ยังมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน ดังนี้

ประโยชน์ของ AHA

ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
ให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน
ลดริ้วรอย
ลดรอยแดงรอยดำ
ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพจากแสงแดด

ประโยชน์ของ BHA

สามารถทำความสะอาดรูขุมขนได้ล้ำลึก เพราะละลายได้ดีในน้ำมัน
ผลัดเซลล์ผิวชั้นใน
ลดการอักเสบจากสิว
ลดการเกิดสิวอุดตัน
ปลอบประโลมผิวจากการระคายเคือง
กระชับรูขุมขน
ควบคุมความมันบนใบหน้า

AHA BHA มีข้อควรระวังในการใช้อย่างไร?

ด้วยความที่ AHA และ BHA เป็นสารประกอบที่มีฤทธิ์เป็นกรด อาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิว อย่างเช่น การระคายเคือง และถ้าใช้บ่อยเกินไปก็อาจทำให้ผิวเราอ่อนแอลงได้ด้วย เลยมีข้อจำกัดและข้อควรระวังบางอย่างในการใช้ ดังนี้

ไม่ควรนำ AHA หรือ BHA ความเข้มข้นสูงมาใช้พร้อมกัน ควรใช้ทีละชนิดในการลงสกินแคร์ เช่น BHA ใช้ตอนเช้า และใช้ AHA ตอนเย็นหรือก่อนนอน หรือสลับวันใช้
ไม่ควรใช้ร่วมกับวิตามินซี ที่เป็นกรดเหมือนกัน เพราะจะทำให้ผิวอาจจะลอกและบางลง
ไม่ควรใช้ AHA หรือ BHA ร่วมกับกลุ่มอนุพันธ์วิตามิน A หรือเรตินอล เพราะจะทำให้ผิวอาจจะลอกและบางลง
ไม่ควรใช้ AHA หรือ BHA ในปริมาณที่มากเกินไป
ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเมื่อมีการใช้ BHA หรือ AHA เพราะผิวหน้าจะไวต่อแสงแดด
การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสม AHA ไม่ควรมีความเข้มข้นมากกว่า 10%
การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสม BHA ไม่ควรมีความเข้มข้นมากกว่า 3%

AHA และ BHA มีฤทธิ์เป็นกรด อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคือง

AHA BHA สามารถใช้ด้วยกันได้ไหม?

เนื่องจาก AHA และ BHA มีฤทธิ์เป็นกรดทั้งคู่ และทำหน้าที่คล้ายกันคือการผลัดเซลล์ผิว นอกจากข้อควรระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA แล้ว การใช้ส่วนผสมทั้งสองชนิดนี้ที่มีความเข้มข้นสูงพร้อมกันก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะถ้าเกิดใช้พร้อมกันอาจส่งผลให้ผิวหน้าแห้งหรือลอกได้ แนะนำให้สลับวันใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารทั้ง 2 ชนิดนี้จะตอบโจทย์กับผิวมากกว่า

AHA BHA มักจะผสมอยู่ผลิตภัณฑ์ประเภทใดบ้าง?

เราสามารถพบ AHA และ BHA ได้ในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์และสกินแคร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์บำรุงผิว หรือทำความสะอาดผิว และส่วนใหญ่มักจะเจอในสกินแคร์ ประเภท โทนเนอร์ เซรั่ม โฟมล้างหน้า คลีนซิ่งทำความสะอาดผิว ครีมบำรุงผิวหน้า เป็นต้น

สรุป AHA BHA คืออะไร แนะนำสกินแคร์จาก AHA และ BHA

อย่างที่บอกว่าเราสามารถพบ AHA และ BHA ได้ในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์และสกินแคร์ต่าง ๆ ได้อย่างแพร่หลาย ในปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์มากมายที่มีการใส่สารประกอบ AHA และ BHA เพื่อใช้เป็นจุดขายในการรักษาผิวจากปัญหาต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวคล้ำจากแสงแดด หรือผู้ที่มีปัญหาสิว รอยสิวต่าง ๆ ซึ่งที่วัตสันก็มีผลิตภัณฑ์ AHA และ BHA อยู่มากมาย สามารถไปเลือกช้อปได้ที่ร้านค้าและออนไลน์

1. Skintific สกินทิฟิค 5 AHA BHA PHA โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิว

รวมทั้งกรด AHA BHA และ PHA ในตัวเดียวกัน ทำให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใส คงเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง

2. Hada Labo ฮาดะ ลาโบะ เอเอชเอ พอร์ มินิไมซ์ซิ่ง โลชั่น

น้ำตบโลชั่นที่มีส่วนผสมของ AHA BHA และ PHA ช่วยบำรุงเติมความชุ่มชื้น เพื่อผิวกระจ่างใสเรียบเนียน

3. Olay โอเลย์ ลูมินัส ไนอะซินาไมด์ + เอเอชเอ ซุปเปอร์ เซรั่ม

เซรั่มที่มีส่วนผสมของ AHA ซึมซาบล้ำลึกลงสู่ผิวได้ดีกว่า และยังมีส่วนช่วยลดเลือนรอยสิว จุดด่างดำ และฝ้าแดดที่แก้ยาก

4. Cerave เซราวี เบลมมิช คอนโทรล เจล

มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้าสำหรับผิวที่เป็นสิวง่าย มี AHA และ BHA ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ปกป้องเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง

5. Pond’s พอนด์ส ไบรท์ มิราเคิล อัลทิเมท แอคเน่ โซลูชั่น ไทโม-บีเอชเอ เฟเชียล โฟม

โฟมล้างหน้าที่เหมาะกับคนเป็นสิว มีส่วนผสมของสารบำรุง THYMO-BHA (ไทโม-บีเอชเอ) ไทโม-ที เอสเซนส์และบีเอชเอเข้มข้น

พอจะรู้แล้วว่า “AHA และ BHA” แต่ละตัวคืออะไร มีหน้าที่แตกต่างกันยังไง และเหมาะกับสภาพผิวแบบไหน คราวนี้เวลาจะเลือกสกินแคร์ AHA และ BHA เราคงไม่หยิบมั่ว ๆ ซั่ว ๆ มาใช้แล้วแน่นอน และก่อนเลือกซื้อก็อยากเพื่อน ๆ เลือก AHA และ BHA ที่เหมาะกับสภาพผิว และคำนึงถึงข้อควรระวังในการใช้กันด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดอาการลอกและบางลง และเพื่อให้ใช้ AHA และ BHA ได้อย่างมีคุณภาพสูงสุดด้วย

ข้อมูลอ้างอิง

https://pdl.co.th/what-is-aha-bha/
https://www.beautyintrend.com/AHA-BHA-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%87.atc?icd=9131b2
https://sistacafe.com/summaries/ไขข้อสงสัย-สารสกัด-AHA-BHA-และ-PHA-ช่วยบำรุงผิวยังไง-แต่ละตัวเหมาะกับสภาพผิวแบบไหน–id=94513

คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

ผิวลอก รู้จักโรคเซ็บเดิร์ม คืออะไร – รวมสาเหตุ อาการ และวิธีดูแลรักษาให้ดีขึ้น

ผื่นแพ้อากาศ ผื่นคันแพ้ฝุ่น ดูแลรักษาอย่างไร