วิธีกำจัดสิว: สาเหตุการรักษาและการป้องกัน
สาว ๆ บางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดมากที่จะต้องต่อสู้กับสิว ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น สิว, สิวหัวดำ, สิวหัวขาว, ถุงน้ำหรือก้อนตุ่ม เป็นต้น ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการกำจัดสิวเพื่อผิวที่กระจ่างใสสีผิวสม่ำเสมอ
สิวคืออะไรและเกิดจากสาเหตุอะไร?
สิวคือสภาพที่ผิวมีการอักเสบโดยมีลักษณะเป็นสิวแดงบนผิว โดยเฉพาะบนใบหน้า เกิดขึ้นเมื่อน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วมาอุดตันรูขุมขน สาเหตุหลักคือการเกิดฮอร์โมนเพศชายอย่างเทสโทสเตอโรนที่มีอยู่ในทั้งชายและหญิงมากเกินไป ฮอร์โมนเพศชายในระดับที่สูงมากขึ้นจะกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังและการผลิตไขผิวหนัง เมื่อสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วมาอุดตันรูขุมขน ก็จะสร้างสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบให้แบคทีเรียเจริญเติบโต โดยก่อให้เกิดการอักเสบที่นำไปสู่การเกิดสิว
ชนิดของสิว:
- สิวหัวดำ
- สิวหัวขาว
- ตุ่มสิว
- ผด
- ตุ่มหนอง
- ถุงน้ำ / ตุ่มเล็ก ๆ
การรักษาและการป้องกัน
#1 ลองใช้คลีนเซอร์ที่มีกรดซาลิไซลิค
ทำความสะอาดใบหน้าวันละสองครั้งด้วยคลีนเซอร์ทำความสะอาดที่ต่อสู้กับสิวที่มีสูตรกรดซาลิไซลิค อันที่จริงแล้ว กรดซาลิไซลิคเป็นกรดเบต้าไฮดรอกซีที่ออกฤทธิ์ละลายน้ำมันส่วนเกินและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยนเพื่อป้องกันรูขุมขนไม่ให้อุดตัน เรามาพูดถึงกรดที่ทรงพลังนี้ที่ช่วยลดอาการบวมและรอยแดงกันค่ะ หากสาว ๆ คนไหนเพิ่งเริ่มลองใช้กรดซาลิไซลิค ขอให้เริ่มใช้แค่วันละครั้งเท่านั้นนะคะ
#2 เลือกการรักษาจุดสิว
เลือกยาทาสิวสำหรับการรักษาจุดสิวที่เคาน์เตอร์ซึ่งสามารถรักษาสิวดื้อได้ในชั่วข้ามคืน แนะนำให้มองหาสูตรที่มีเบนโซอิล เปอร์ออกไซด์, กรดไกลโคลิกหรือกรดซาลิไซลิคที่ต่อสู้กับหัวสิวได้ ทั้งนี้ เบนโซอิล เปอร์ออกไซด์สามารถฆ่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้ ในขณะที่กรดซาลิไซลิคและกรดไกลโคลิกช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกิน, ลดการอักเสบและทำให้สิวแห้ง เพียงจำไว้ว่าสารเหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้กับทั้งใบหน้าของสาวๆ นะคะ เพียงแค่แตะจำนวนเล็กน้อยเบา ๆ ตรงจุดที่เป็นสิวก่อนเข้านอนและทิ้งไว้ข้ามคืนก็พอ
#3 มองหาเรตินอยด์
เพิ่มเรตินอยด์ให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลผิวเพื่อผิวที่กระจ่างใสมากขึ้น อนุพันธ์ของวิตามินเอไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ผิว แต่ยังช่วยให้รูขุมขนมีความไวต่อการอุดตันน้อยลงอีกด้วย ดังนั้น จึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวดำ, สิวหัวขาวและแผลสิวอื่น ๆ ทั้งนี้ ผลข้างเคียงของการใช้เรตินอยด์ ได้แก่ รอยแดง, ผิวเกิดความแห้ง, อาการคันและแสบ ขอแนะนำให้ใช้อย่างสม่ำเสมอ 3 ครั้งต่อสัปดาห์เมื่อเริ่มใช้
#4 ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ประจำวันที่เป็นมิตรกับสิว
แนะนำให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรออยล์ฟรีและไม่ทำให้รูขุมขนอุดตันหากว่าสาว ๆ คนไหนกำลังต่อสู้กับสิวอยู่ โดยต้องใช้สูตรที่มีเนื้อบางเบาและไม่เหนียวเหนอะหนะ ที่จะไม่อุดตันรูขุมขนหรือทำให้เกิดสิวที่รุนแรงมากขึ้น แนะนำให้ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นชั้นบาง ๆ เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการดูแลผิวประจำวันเพื่อผิวที่ดูมีสุขภาพดีขึ้นและเนียนขึ้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผิวมีความชุ่มชื้นแม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่มีสิวเพื่อช่วยปกป้องผิวของสาว ๆ ให้มีสุขภาพดี
#5 ใช้เครื่องสำอางที่เป็นมิตรกับผิวที่เป็นสิวง่าย
มองหาผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่มีเนื้อบางเบาและมีฉลากกำกับว่า “ออยล์ฟรี” หรือ “ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน” ส่วนผสมต่าง ๆ เช่น กรดซาลิไซลิค, กรดไฮยาลูโรนิก และแม้กระทั่ง ซัลเฟอร์ ก็สามารถช่วยบรรเทาการเกิดสิวได้
อย่างไรก็ตาม การบีบเค้นสิวไม่ใช่วิธีที่ดีนะคะ การสะกิดจะทำให้สิวต้องใช้เวลารักษานานมากขึ้นและยังสามารถนำไปสู่การติดเชื้อได้อีกด้วย แนะนำสาว ๆ ต้องเอามือให้อยู่ห่างจากหน้านะคะ! หรือทางที่ดีสามารถใช้ที่กดสิวทดแทนได้ค่ะ
อยากได้เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการดูแลผิวมันไหมคะ? ลองดูที่นี่ได้เลยค่ะ!
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์เพื่อผิวใส
#1 หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้สิวแย่ลง
อาหารที่มีน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ในปริมาณสูงจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสิว เนื่องจากอาหารเหล่านี้สามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทำให้ระดับอินซูลินสูงขึ้น อินซูลินทำให้ฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้นและก่อให้เกิดการก่อตัวของสิว ผลิตภัณฑ์จากกลุ่มธัญญพืชที่ผ่านการสีแล้ว เช่น ขนมปังขาวและข้าวขาว และผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นม จะมีผลกระทบต่อร่างกายด้วยเช่นกัน
#2 เพิ่มอาหารที่ต่อสู้กับสิวและอาหารเสริมลงในอาหาร
อาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน, ถั่ววอลนัท, ปลาเทราท์, ปลาซาร์ดีน เป็นตัวช่วยที่ดีมากในการลดการอักเสบ สามารถเพิ่มวิตามินซีลงในอาหารเพื่อลดรอยแผลเป็นจากสิวได้ด้วยเช่นกัน เพราะจะเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและทำให้อัตราการหมุนเวียนของเซลล์สูงขึ้น นอกจากนี้ ส้ม, มะเขือเทศ, กีวีและเกรปฟรุต ยังเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดีมากอีกด้วย
#3 นอนหลับให้สนิทและดื่มน้ำมากขึ้น
การนอนหลับที่มีคุณภาพสูงจะช่วยให้ผิวพรรณดูดีขึ้น แนะนำให้นอนเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมงเพื่อให้ผิวของสาว ๆ มีเวลาฟื้นตัวในช่วงเวลากลางคืน ควรดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อให้ร่างกายและผิวมีความชุ่มชื้นโดยจะช่วยป้องกันผิวไม่ให้เกิดความแห้งและเซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่มาอุดตันรูขุมขน การดื่มน้ำให้เพียงพอยังช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวได้อีกด้วย