ปัญหาสิว เป็นอีกหนึ่งปัญหาสิวที่จัดการได้ค่อนข้างยาก โดนเฉพาะสิวที่ไม่มีหัว และเกิดการอักเสบจะทำให้รักษาหายช้ากว่าสิวทั่ว ๆ ไป อย่าง ‘สิวหัวช้าง’ หนึ่งในสิวอักเสบที่รับมือได้ยาก บทความนี้วัตสันเลยจะชวนเพื่อน ๆ ไปทำความเข้าใจกับสิวอักเสบ พร้อมหาวิธีรักษาและป้องกันสิวหัวข้างกันด้วย ใครไม่อยากเป็นสิวหัวข้าง ลองตามไปดูในบทความได้เลย
สิวหัวช้าง คืออะไร
สิวหัวช้าง (Acne Conglobata) เป็นสิวอักเสบประเภทหนึ่งที่มีการอักเสบรุนแรง มักจะเกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนอุดตันและเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acnes) เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว เพราะว่าแบคทีเรียเหล่านี้มีเอนไซม์สำหรับย่อยน้ำมัน (Sebum) ในตุ่มสิวให้กลายเป็นกรดไขมัน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดเป็นก้อนขนาดใหญ่ที่มีลักษณะบวมแดง เมื่อโดนกดจะรู้สึกเจ็บปวดมาก
สามารถแบ่งได้หลายระดับอาการ ในขั้นแรกอาจจะเป็นสิวไม่มีหัว แต่จะมีอาการปวดและเจ็บผิวหน้าเล็กน้อยร่วมด้วย ส่วนระดับรุนแรงที่สุดคือ เกิดเป็นสิวหัวช้างที่มีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นตุ่มและไตสีแดงที่เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันที่จับตัวรวมกันภายใต้ชั้นผิวหนัง บวมแดงนูนขึ้นมา
สาเหตุสิวหัวช้าง เกิดจากอะไร
1. ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เช่น ในวัยรุ่น หรือช่วงก่อนมีประจำเดือน ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงจะเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเพศชายเพิ่มสูงขึ้น แล้วไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันที่ใบหน้าผลิตไขมันออกมามากกว่าปกติ จนไปอุดตันรูขุมขนและเกิดเป็นสิวที่รุนแรง หรือสิวหัวช้างขึ้นได้
2. การทำงานของ แบคทีเรีย C.acne
สาเหตุของการเกิดสิวหัวช้าง ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานของแบคทีเรีย C.acne หรือ แบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acnes) มีจำนวนการเจริญเติบโตมากขึ้นอยู่ในตุ่มสิว ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกกระตุ้นให้รูขุมขนเกิดการอักเสบ เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้น จนทำให้กลายเป็นสิวอักเสบ
3. ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากเกินไป (Excessive sebum production)
เนื่องจากสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในวัยรุ่น หรือในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้รูขุมขนมีไขมันมากเกินไป เช่น ร่างกายอาจผลิตน้ำมันมากเกินไป ซึ่งทำให้เกิดรูขุมขนอุดตัน และเกิดสิวอักเสบขึ้นได้
4. การอักเสบ และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน (Inflammation and immune response)
เมื่อมีสิ่งผิดปกติ อย่างเชื้อโรค หรือแบคทีเรีย เข้าสู่ร่างกาย รวมไปถึงเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ผ่านผนังรูขุมขน อาจจะทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบขึ้นได้ นอกจากนั้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถฟื้นฟูผิวได้อย่างเต็มที่ เช่น เมื่อมีความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจจะส่งให้ผิวอ่อนแอ เป็นสิวอักเสบได้ด้วย
พฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดสิวหัวช้าง
1. ใช้มือลูบหรือสัมผัสหน้าบ่อยๆ
มือเราสัมผัสสิ่งของและเจอกับสิ่งสกปรกมากมาย มือของเราเลยถือเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคชั้นดีเลย ถ้าเกิดไม่ได้ล้างมือให้สะอาด แล้วเผลอใช้มือลูบหรือสัมผัสผิวหน้า ก็อาจจะเป็นการพาเชื้อโรคเข้าสู่ใบหน้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเชื้อโรคเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้นได้ด้วย
2. ออกกำลังกายขับเหงื่อ
ถึงแม้ว่าการออกกำลังกายจะเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพ แต่เวลาออกกำลังกายเรามักจะมีเหงื่อออก มีแบคทีเรียตกค้าง รวมไปถึงเกิดความมันบนใบหน้าได้ง่าย สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในในปัจจัยที่กระตุ้นให้ผิวเกิดการอุดตัน และทำให้เกิดสิวอักเสบได้ด้วย
3. ใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสำหรับผิวเป็นสิว
การใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสำหรับผิว อาจมีส่วนทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและเกิดการอักเสบ มีส่วนทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้นได้ด้วย นอกจากนั้นเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน และการล้างหรือเช็ดเครื่องสำอางออกไม่หมด มีส่วนทำให้เกิดการอุดตัน และทำให้เกิดสิวอักเสบ ไปจนถึงสิวหัวช้างได้
4. นอนดึก
การนอนดึกทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงก็อาจจะมีส่วนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ไม่สามารถฟื้นฟูผิวได้อย่างเต็มที่ พอมีสิ่งผิดปกติ อย่างเชื้อโรค หรือแบคทีเรีย เข้าสู่ร่างกาย รวมไปถึงเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ผ่านผนังรูขุมขน อาจจะทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบขึ้นได้
5. ความเครียด
ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมทำร้ายผิวพอ ๆ กับการนอนดึก เมื่อเกิดความเครียดจะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันทั้งร่างกายและผิวให้อ่อนแอลง ทำให้ถูกกระตุ้นจากมลภาวะได้ง่าย นอกจากนี้ความเครียดยังส่งผลให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เสถียร ส่งผลให้กระตุ้นต่อการเกิดสิวไม่มีหัวได้ง่ายด้วย

บริเวณที่มักเกิดสิวหัวช้าง
สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบ ซึ่งสิวอักเสบสาเหตุหนึ่งมักจะเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วย สิวหัวช้างเลยมักจะเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันมากอย่าง ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม หน้าผาก คาง และบริเวณคอ บางครั้งอาจพบสิวหัวช้างบนหลังและไหล่ เนื่องจากบริเวณนี้มีต่อมไขมันที่ทำงานหนัก และอาจจะเกิดขึ้นบริเวณอื่น ๆ เช่น หน้าอก หรือแขนได้ด้วยเหมือนกัน แต่อาจจะพบไม่ได้มากเท่ากับบริเวณอื่น ๆ
วิธีสังเกตความแตกต่างระหว่างสิวหัวช้าง กับสิวประเภทอื่น
1. ขนาดและความเจ็บปวด
เราจะสามารถสังเกตสิวหัวช้าง จากสิวอักเสบ หรือสิวไม่มีหัวประเภทอื่น หลัก ๆ เลยสามารถสังเกตได้จากขนาดและความเจ็บปวด สำหรับสิวหัวช้างจะมีขนาดใหญ่กว่าสิวทั่วไป และเวลาโดนกดจะรู้สึกเจ็บปวดมาก เมื่อเทียบกับสิวประเภทอื่น ๆ
2. ไม่มีหัวสิว
สิวอักเสบ หรือสิวประเภทอื่น ๆ อาจจะมีหัว เช่น หัวสีขาว หรือสิวหัวดำที่สามารถกดออกได้ แต่สามารถสังเกตสิวหัวช้างได้จากหัวสิวด้วย เพราะสิวหัวช้างจะเป็นสิวอักเสบที่ไม่มีหัวสิว และเมื่อโดนกดจะรู้สึกเจ็บปวดมาก เมื่อเทียบกับสิวประเภทอื่น ๆ ด้วย
3. การอักเสบลึก
เราสามารถสังเกตสิวหัวช้าง เทียบกับสิวอื่น ๆ ได้จากขนาดที่ใหญ่กว่าสิวทั่วไป มีความเจ็บปวดมากกว่าสิวประเภทพอื่น ๆ และสังเกตได้จากหัวสิว สิวหัวช้างจะไม่มีหัวสิว นอกจากนั้นยังสามารถสังเกตได้จากการอักเสบ เนื่องจากสิวหัวช้างจะเกิดการอักเสบลึกใต้ผิวหนัง ทำให้ยากที่จะรักษาด้วยวิธีทั่วไป เช่น การบีบ หรือการกดออก

วิธีรักษาสิวหัวช้าง
1. การรักษาสิวหัวช้างด้วยยาทา
ยาทาที่ช่วยรักษาสิวหัวช้าง ส่วนใหญ่จะใช้ครีมหรือยาทาสิวที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ซาลิไซลิกแอซิด (Salicylic Acid) หรือเรตินอล (Retinoid) ที่สามารถช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน แต่การใช้ยาเหล่านี้มีข้อจำกัดอยู่ด้วย จึงควรระวังสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย อาจจะทำให้ผิวหน้าแห้ง ระคายเคือง ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยา
2. การใช้ยาทาน แก้สิวหัวช้าง
นอกจากยาทาภายนอก ยังมีวิธีรักษาสิวหัวช้างด้วยการทานยาอยู่ด้วย ซึ่งยาทานจะใช้ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบปานกลางถึงรุนแรง หรือเมื่อการรักษาเฉพาะที่ไม่ได้ผล อาจจะได้รับยาปฏิชีวนะเช่น tetracycline, doxycycline และ erythromycin ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและลดการอักเสบ ไปรับประทานเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการดื้อยา และต้องสั่งจ่ายหรือรับประทานตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
3. การรักษาสิวหัวช้างกับแพทย์ผิวหนัง
การรักษาสิวหัวช้างกับแพทย์ผิวหนัง สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดสิวหัวช้างหรือ Acne Surgery การฉีดยา คอร์ดิโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) เข้าที่สิว หรือการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์และแสงในการรักษาสิว หรือ Laser acne treatment เป็นต้น
วิธีรักษาสิวหัวช้าง ง่าย ๆ ทำเองได้ที่บ้าน
1. น้ำมันทีทรี (Tea tree oil)
น้ำมันทีทรี (Tea tree oil) สารสกัดที่มีสรรพคุณที่ดีต่อผิวมากมาย โดยเฉพาะกับผิวที่เป็นสิว เพราะน้ำมันทีทรี (Tea tree oil) มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรคประเภทเชื้อรา และไวรัส นอกจากนี้น้ำมันทีทรี ยังมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของสิวอีกด้วย สามารถทาลงบนสิวหัวช้างเพื่อลดการอักเสบได้
2. น้ำผึ้งและอบเชย
น้ำผึ้งสามารถต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวบนใบหน้าได้ ส่วนอบเชย ก็มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค จึงสามารถรักษาสิวหัวช้างได้ ด้วยการผสมน้ำผึ้งกับผงอบเชย ทาลงบนสิวเพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
3. ว่านหางจระเข้
อีกหนึ่งวิธีรักษาสิวหัวช้าง ง่าย ๆ ทำเองได้ที่บ้าน สามารถรักษาได้ด้วยว่านหางจระเข้ เพราว่านหางจระเข้เป็นหนึ่งในพืชสมุนไพรที่ให้มีสรรพคุณที่ดีต่อผิวมากมาย หนึ่งในนั้นคือมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ และมีกรดอ่อน ๆ ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ นอกจากนั้นว่านหางจระเข้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นด้วย

วิธีป้องกัน สิวหัวช้าง
1. รักษาความสะอาดของใบหน้า
ความมันและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอาจทำให้รูขุมขนอุดตัน เกิดสิวอักเสบหรือสิวหัวช้างขึ้นมาได้ จึงไม่ควรปล่อยให้เกิดการหมักหมมของเหงื่อและความมัน ควรทำความสะอาดใบหน้าให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ ด้วยโฟมล้างหน้า หรือคลีนเซอร์ที่มีความอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน อย่างเช่น สกินแคร์ที่มีความอ่อนโยน สกินแคร์เนื้อบางเบา หรือสกินแคร์ที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองเป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดความมันและสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนใบหน้า
3. ไม่แคะ แกะ หรือบีบสิว
สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบที่ไม่มีหัว และมีความเจ็บปวดที่รุนแรงกว่าสิวทั่วไปมาก สำหรับสิวหัวช้างที่กำลังบวมเป่งและนูนขึ้นจนสะดุดตาคือสิวในระยะอักเสบขั้นรุนแรง จึงไม่ควรบีบหรือแกะสิว เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้สิวหัวช้างอักเสบรุนแรงมากขึ้น และอาจทำให้เกิดรอยสิวขึ้นมาได้
4. ปกปิดสิวเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
บางคนอาจจะอยากแต่งหน้า เพื่อปกปิดสิวเพื่อเพิ่มความมั่นใจ แนะนำว่าควรเลือกใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดสิวร่วมด้วย หรือเลือกใช้สกินแคร์และเครื่องสำอางที่มีเนื้อสัมผัสเบาบาง สูตร Oil-free เพื่อไม่ให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน
5. ควบคุมอาหาร
การทานของทอด ของมัน ของหวานจัด ๆ รวมไปถึงคาเฟอีน จากชา กาแฟ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง น้ำอัดลม อาหารเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ผิวมัน รวมถึงไปกระตุ้นให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตทำให้เกิดสิวขึ้นได้ จึงควรเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล หรืออาหารไขมันสูง
6. การฉีดยาสเตียรอยด์
สำหรับสิวหัวช้างที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ ค่อนข้างยากในการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การทายา หรือการกินยา แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดยาสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบภายในไม่กี่วัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นไปได้มากอีกด้วย
7. การรักษาด้วยเลเซอร์
ส่วนในกรณีที่รักษาสิวหัวช้าง แล้วสิวอักเสบขนาดใหญ่อย่างสิวหัวช้าง ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ แพทย์ผิวหนังอาจแนะนำการทำเลเซอร์ เนื่องจากวิธีการรักษาด้วยเลเซอร์จะกระตุ้นการฟื้นฟูผิว รวมถึงการรักษาด้วยเลเซอร์จะมีส่วนช่วยลดรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวไปได้ด้วย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ สิวหัวช้าง
1. รักษาสิวหัวช้างกี่วันถึงจะหาย
สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบค่อนข้างรุนแรง และมีขนาดใหญ่กว่าสิวทั่วไป การรักษาสิวหัวช้างจึงอาจจะใช้เวลานานหน่อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของแต่ละบุคคลด้วยว่า จะตอบสนองกับยารักษาที่ใช้มากน้อยแค่ไหน ในกรณีที่มีการอักเสบที่ผิวหนังมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีความลึกเข้าไปในชั้นผิวมาก อาจจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
2. สิวหัวช้าง สามารถหายเองได้ไหม
การอักเสบของสิวหัวช้างจะไม่สามารถหายไปได้เอง เพราะจะต้องใช้ยารักษาสิวอักเสบโดยเฉพาะเพื่อกำจัดเชื้อออกไป ถ้าปล่อยให้หายเองอาจเกิดการติดเชื้อและลุกลามขึ้นเป็นหลาย ๆ ตุ่ม และอาจเกิดการอักเสบไปทั่วทั้งใบหน้าได้ แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาตามอาการ
3. กดหรือบีบสิวหัวช้าง ได้ไหม
อย่างที่บอกไปว่าสิวเป็นสิวอักเสบค่อนข้างรุนแรง เมื่อกดโดนแล้วจะรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าสิวทั่วไปด้วย การบีบหรือกดสิวหัวช้าง เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะจะทำให้สิวหัวช้างอักเสบและรุนแรงกว่าเดิมได้ แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับคำปรึกษาและทราบแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “สิวหัวช้าง” มาแล้ว พอจะรู้แล้วว่าสิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบที่ค่อนข้างรุนแรง มีขนาดใหญ่และเจ็บปวดมากกว่าสิวประเภทอื่น ๆ ทั่วไป ถ้าเกิดว่าเป็นแล้วอาจจะต้องรักษาค่อนข้างยากและใช้เวลานาน จึงควรป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการอุดตัน จนกลายเป็นสิวอักเสบและสิวหัวช้าง ซึ่งที่ Watsons ก็มีสกินแคร์สูตรอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันให้เลือกอยู่มากมาย สามารถไปเลือกช้อปได้ที่ร้านค้าและออนไลน์กันได้เลย
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.eucerin.co.th/skin-concerns/acne-prone-skin/about-acne
https://www.rattinan.com/cystic-acne/
https://www.bedee.com/articles/skin-aesthetic/nodular-acne