Intermittent Fasting หรือ การลดน้ำหนักด้วยวิธีการอดอาหารเป็นช่วง ๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ไม่ว่าคุณกำลังวางโปรแกรมในการอดอาหารอยู่ หรือ กำลังกลับมาเริ่มโปรแกรมใหม่อีกครั้ง บทความนี้สามารถให้คำแนะนำแก่คุณได้
อ่านบทความ 5 วิธียอดฮิตของการลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารเป็นช่วง ๆ
#1 IF สูตร 16/8
การจำกัดเวลาการกินอาหารแบบ 16/8 คือมีช่วงเวลาการอดอาหาร (Fasting) เป็นเวลา 16 ชั่วโมง คุณสามารถดื่มได้แค่ น้ำ ชา กาแฟ และมีช่วงเวลาการกิน (Feeding) เป็นเวลา 8 ชั่วโมง ซึ่งจำนวนชั่วโมงแบบ 16/8 เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
#2 IF สูตร 5:2
คุณสามารถทานได้ตามปกติเป็นเวลา 5 วัน ส่วนอีก 2 วันที่เหลือในหนึ่งสัปดาห์ คุณจะต้องลดปริมาณการทานอาหารลง 1 ใน 4 จากที่เคยทานในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น คนที่กินอาหารประมาณ 2,000 แคลอรีต่อวันเป็นประจำ จะต้องลดการกินให้เหลือเพียง 500 แคลอรีในวันที่ต้องอดอาหาร โดยมีการกำหนดวันอดอาหาร 2 วัน ได้แก่ วันอังคารและวันศุกร์
#3 การอดสลับอิ่มแบบวันเว้นวัน
การอดสลับอิ่มแบบวันเว้นวัน คือ การอดอาหารแบบวันเว้นวัน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างฮาร์ดคอร์ เนื่องจากต้องอดอาหารเป็นเวลา 1 วัน กินอาหาร 1 วัน แล้วกลับมาอดอีกหนึ่งวัน จึงไม่เหมาะแก่ผู้ที่เริ่มต้นลดน้ำหนักด้วยวิธี Intermittent Fasting
#4 The Warrior Diet
เป็นการ Intermittent Fasting แบบอด 20 ชั่วโมง และกิน 4 ชั่วโมง หรือกินมื้อใหญ่มื้อเดียว เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูงและผักสด คล้ายการอดอาหารของนักรบโบราณที่มักจะกินอาหารในปริมาณที่น้อยมาก การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นปี 2000 มีอีกชื่อเรียกว่า การถือศีลอด 20:4
#5 Spontaneous Meal Skipping
เป็นการงดมื้อที่เราไม่หิว ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวสำหรับการอดอาหารด้วยวิธีนี้ เพียงแค่มื้อที่เหลือต้องทานอาหารให้ครบสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ
ประโยชน์ของการลดน้ำหนักด้วยวิธีอดอาหารในบางช่วง
- ลดน้ำหนักและลดไขมันอวัยวะภายใน
Intermittent Fasting ช่วยลดน้ำหนักและไขมันในช่องท้องอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรค โดยระดับอินซูลินในเลือดจะลดต่ำลงเพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมันในร่างกาย
- ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่สอง
จากการศึกษาพบว่า Intermittent Fasting มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงภาวะดื้อต่ออินซูลิน และลดค่าน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
Intermittent fasting สามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้ เช่น ลดความดันโลหิตสูง เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลดี (HDL) ลดไขมันในเลือด และปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
- ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น
การงานวิจัยพบว่าการทำ Intermittent Fasting ช่วยระงับการอักเสบในสมองและลดความเสี่ยงของความผิดปกติทางระบบประสาท รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคหลอดเลือดสมอง
ผลข้างเคียงของการลดน้ำหนักด้วยวิธี Intermittent Fasting แบบผิด ๆ
- หิวมากขึ้น หิวตลอดเวลา
คุณอาจรู้สึกอยากอาหารมากกว่าปกติ เมื่อมีการลดปริมาณอาหาร หรือ ไม่ได้ทานอาหารเป็นเวลานาน
- รู้สึกอ่อนเพลีย
การทำ Intermittent Fasting อาจส่งผลให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ส่งผลให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรง
- นอนไม่หลับ
การทำ Intermittent Fasting ส่งผลให้ประสิทธิภาพการนอนของคุณลดลง อาจทำให้นอนไม่หลับ เนื่องจากต้องทนต่อความหิวโหย
- ปวดศีรษะ
การทำ Intermittent Fasting ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดต่ำ และเมื่อน้ำตาลในเลือดต่ำ ก็อาจทำให้คุณมีอาการปวดหัว วิงเวียนศีรษะ
- คลื่นไส้อาเจียน
การทำ Intermittent Fasting อาจทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณแปรปรวนและอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้
คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ
- 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลม ปรับลุคใหม่หน้าเรียวเล็ก น่ารัก ไม่ต้องง้อหัตการ
- รีวิว needly toner pad โทนเนอร์แพดผิวใสทั้ง 4 สูตร
- ส่อง! 20 ประโยชน์ของ NAC (N-Acetylcysteine)
- วิธีล้างแปรงแต่งหน้า พัฟแต่งหน้า ด้วยคลีนเซอร์ง่าย ๆ
- 10 โฟมล้างหน้าลดสิวเสี้ยน หน้าเนียนใส ห่างไกลสิว