โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share

ไม่ว่าใครก็คงต้องเคยโดนยุงกัดกันบ้าง แต่ถึงแม้ยุงกัดจะทำให้เกิดตุ่มนูน และคันบริเวณที่โดนยุงกัด แต่สักพักก็จะหายไปเอง แต่สำหรับคนบางกลุ่มที่มีอาการแพ้ยุง อาจจะเกิดอาการที่รุนแรงกว่าคนทั่วไป คันอย่างรุนแรง อาการบวมตามผิวหนัง ไปจนถึงอาจจะทำให้เกิดผื่นแพ้ยุงขึ้นมาได้ แล้วผื่นแพ้ยุงมีสาเหตุมาจากอะไร และเราจะสามารถรักษา หรือป้องกันอาการผื่นแพ้ยุงและตุ่มยุงกัดได้ยังไง ลองตามไปดูต่อในบทความกันเลย

ผื่นแพ้ยุง เกิดจากอะไร?

ผื่นแพ้ยุง เป็นภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อการถูกยุงกัดมากกว่าปกติ เมื่อถูกยุงกัดคนทั่วไปมักเกิดตุ่มแดงขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตรและมีอาการคัน ซึ่งหลังจากนั้นอาการจะหายไปเอง แต่ในกลุ่มคนแพ้ยุงจะมีอาการรุนแรงกว่านั้น เช่น คันตามผิวหนัง เป็นตุ่มนูนสีแดงเข้ม ผิวหนังบวมคล้ายกับถูกสัตว์มีพิษต่อย มีผื่นเป็นวงกว้าง บางคนอาจมีตุ่มน้ำขึ้น ไปจนถึงแพ้รุนแรง เช่น มีอาการลมพิษ คอบวม ริมฝีปากบวม หายใจไม่ออก เวียนหัว และเป็นลมได้ด้วย

สาเหตุเกิดมาจากผิวหนังอักเสบจากการแพ้สารก่อน้ำลายของยุง ที่เข้าไปทำปฏิกิริยากับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งโปรตีนที่อยู่ในน้ำลายของยุงจะถูกปล่อยลงไปในเลือด ทำให้เลือดไม่เป็นก้อน และยุงสามารถดูดเลือดได้ง่าย เป็นสาเหตุทำให้เกิดผื่นแพ้ยุงขึ้นได้

ลักษณะของอาการแพ้ยุง

โดยปกติเมื่อถูกยุงกัด สำหรับคนทั่วไปมักเกิดตุ่มแดงและมีอาการคัน ซึ่งหลังจากนั้นอาการจะหายไปได้เอง แต่สำหรับคนที่มีอาการแพ้ยุง เมื่อถูกยุงกัด ผิวหนังจะเกิดตุ่มนูน บวมแดงมาก และมีอาการคันบริเวณตุ่มยุงกัดมากกว่าปกติ ส่วนใหญ่มักเกิดหลังถูกยุงกัดภายในเวลาไม่นาน นอกจากนั้นอาจจะมีอาการตุ่มใสบวมแดงขึ้นบนผิวหนังนานเป็นสัปดาห์กว่าจะหาย บางรายเป็นหนักถึงขั้นถึงแพ้รุนแรง เช่น มีอาการลมพิษ คอบวม ริมฝีปากบวม หายใจไม่ออก เวียนหัว และเป็นลมได้ด้วย จนต้องให้แพทย์ทำการรักษา

คนที่มีอาการแพ้ยุงจะมีอาการคันบริเวณตุ่มยุงกัดมากกว่าปกติ

อาการแบบไหนถึงเรียกว่าแพ้ยุง

อาการแพ้ยุงจะมีความแตกต่างจากการถูกยุงกัดอย่างชัดเจน สำหรับคนที่มีอาการแพ้ยุง จะมีอาการที่รุนแรงกว่ามาก ทั้งนี้ อาการแพ้ยุงอาจเป็นอันตรายมากขึ้นเมื่อเกิดในทารก เด็ก และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ สามารถสังเกตอาการหลังถูกยุงกัดได้ ดังนี้

  • อาการคล้ายกับการติดเชื้อ เช่น เป็นไข้และต่อมน้ำเหลืองบวมโต
  • อาการคันตามผิวหนัง มีผิวหนังบวมอย่างรุนแรงคล้ายกับการถูกสัตว์หรือแมลงมีพิษต่อย และพบอาการบวมเป็นวงกว้าง  ขนาดตั้งแต่ 2–10 เซนติเมตรภายใน 1 ชั่วโมงหลังถูกกัดและอาการรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หรือเกิดอาการบวมทั่วร่างกาย หากมีอาการควรไปพบแพทย์ทันที
  • ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) หรือภาวะแพ้อย่างรุนแรง เช่น อาการลมพิษ คอบวม ริมฝีปากบวม หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงหวีดแหลม เวียนหัว และคล้ายจะเป็นลม ฯลฯ เป็นอาการที่พบได้น้อย แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แนะนำให้ควรไปพบแพทย์ทันที

วิธีรักษา และการดูแลตัวเองจากอาการแพ้ยุงเบื้องต้น

สำหรับวิธีการรักษาอาการแพ้ยุง จะมีการรักษาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแต่ละคนด้วย ซึ่งสามารถรักษาเบื้องต้นได้ ดังนี้

1. ทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำและสบู่

หลังจากถูกยุงกัดควรทำความสะอาดตุ่มยุงกัดหรือผิวหนังในจุดที่ถูกกัดด้วยน้ำและสบู่ เพื่อกำจัดน้ำลายยุง ที่อาจเข้าไปทำปฏิกิริยากับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ จากนั้นซับผิวให้แห้ง แล้วประคบเย็นด้วยผ้าชุบน้ำเย็นบิดหมาด ผ้าห่อถุงน้ำแข็ง หรือขวดน้ำเย็น โดยให้ประคบตรงที่ถูกกัดประมาณ 10 นาที เพื่อบรรเทาอาการบวม

2. ใช้เบกกิ้งโซดาพอกบริเวณที่ถูกยุงกัด

สำหรับใครที่มีเบกกิ้งโซดา (Baking Soda) สามารถเตรียมเบกกิ้งโซดาในปริมาณเล็กน้อยใส่ถ้วยเอาไว้ จากนั้นหยดน้ำลงไปนิดหน่อยให้เบกกิ้งโซดาเกาะติดกัน แล้วกวนให้แบกกิ้งโซดาจับตัว นำเบกกิ้งโซดามาพอกตุ่มยุงกัดหรือบริเวณที่ถูกยุงกัด ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที และค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3. กินยาแก้แพ้

สำหรับในคนแพ้ยุงที่มีอาการไม่รุนแรง ยาแก้แพ้จะช่วยยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามีน (Histamines) สารที่จะหลั่งออกมามากขึ้นเมื่อร่างกายสัมผัสกับสารที่แพ้ เช่น น้ำลายยุง แต่ยาแก้แพ้สามารถช่วยบรรเทาอาการผื่นแดงคันและอาการบวมเล็กน้อยได้เท่านั้น หากมีอาการรุนแรงมากขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ทันที

4. เลี่ยงการเกาตุ่มยุงกัดหรือบริเวณที่ยุงกัด

เข้าใจว่าเวลายุงกัดแล้วเกิดอาการคันมาก ๆ จนบางคนทนไม่ไหว แต่การเกาตุ่มยุงกัดจะเป็นการกระตุ้นให้อาการคัน และเกิดการอักเสบผิวหนังมากขึ้น และยังทำให้ผิวบริเวณที่ถูกยุงกัดเกิดรอยแผลขนาดเล็กขึ้นด้วย หลังจากที่ยุงกัดแล้วเกิดอาการคัน แนะนำให้เลี่ยงการเกาตุ่มยุงกัดหรือบริเวณที่ยุงกัด แล้วรีบทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำและสบู่จะดีกว่า

5. ปรึกษาแพทย์รักษาอาการ

ถ้าเกิดมีอาการแพ้ยุงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิต ลองเข้าไปปรึกษาแพทย์ขอคำแนะนำจากแพทย์ได้ และสำหรับคนที่มีประวัติแพ้ยุงอย่างรุนแรง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาอิพิเนฟริน (Epinephrine) ที่เป็นรูปแบบของปากกาเข็มฉีดยา ในคนแพ้ยุงที่มีอาการรุนแรงมาก ๆ หรือปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงขึ้น ควรพกยาดังกล่าวติดตัวไว้เสมอ

การเกาตุ่มยุงกัดจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบผิวหนังมากขึ้น

การป้องกันไม่ให้ยุงกัด

นอกจากการรักษาอาการแพ้ยุงเบื้องต้น ถ้าหากมีอาการป้องกันไม่ให้ยุงกัดก็จะเป็นวิธีที่ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการแพ้ยุง ผื่นคันตามมา นอกจากนั้นยุงยังเป็นพาหะนำโรค ที่อาจก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ด้วย เช่น โรคไข้เลือดออก, โรคมาลาเรีย, โรคชิคุนกุนยา, โรคซิก้าหรือโรคเท้าช้าง เป็นต้น จึงควรมีการป้องกันที่ดี เพื่อไม่ให้ถูกยุงกัด สามารถทำได้ ดังนี้

1. คอยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง

ยุงเป็นแมลงที่เติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้นสูง หรือในที่ที่มีน้ำขัง น้ำนิ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการวางไข่ของยุงมาก ๆ จึงควรจำกัดลูกน้ำจากแหล่งเพาะพันธุ์เหล่านี้ เช่น ถ้วยน้ำ แจกันดอกไม้ที่ใส่น้ำ รางน้ำฝน หรือบริเวณที่อาจมีน้ำขัง หมั่นทำความสะอาดเป็นประจำ ไม่ให้เกิดน้ำขัง หรือเททรายอะเบทลงไปก็ช่วยป้องกันยุงได้เช่นกัน

2. หลีกเลี่ยงแหล่งที่มียุงชุม

ส่วนใหญ่ยุงมักจะชอบอยู่ในที่มืด อับ และชื้น ถ้าไม่อยากให้ยุงกัด ควรเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่บริเวณเหล่านี้ อย่างพื้นที่ในบ้าง เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว โดยเกาะใต้เฟอร์นิเจอร์หรือตามเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ ม่าน ผนัง จึงควรจัดบ้านให้อากาศถ่ายเท โปร่ง มีแสงสว่างทั่วถึง รวมถึงติดมุ้งลวดทั่วบ้าน เลือกสวมเสื้อผ้าปกปิด คลุมแขน ขา เมื่ออยู่ในที่ยุงชุม เพื่อป้องกันยุงกัดด้วย

3. พกเสปรย์/โลชั่นกันยุงติดตัว

หนึ่งในไอเทมไล่ยุงที่เห็นผล ก็คือ ‘สเปรย์และโลชั่นกันยุง’ เพราะสเปรย์และโลชั่นเหล่านี้ จะมาพร้อมกับกลิ่นที่มีส่วนช่วยในการไล่ยุง เช่น กลิ่นตะไคร้หอม กลิ่นส้ม กลิ่นลาเวนเดอร์ ฯลฯ แนะนำให้พกติดตัวไว้ตลอด เพื่อฉีดและทาป้องกันไม่ให้โดนยุงกัด

4. จุดยากันยุง หรือฉีดสเปรย์กำจัดยุงรอบ ๆ บ้าน

ยากันยุงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันยุงกัดได้ ยาจุดกันยุงหรือสเปรย์กำจัดยุง จะช่วยไล่ยุงและกำจัดยุงไม่ให้ชุกชุมในบริเวณนั้น แต่ว่าสารเคมีสังเคราะห์ หรือแม้แต่สารสกัดจากธรรมชาติที่เป็นส่วนประกอบในยากันยุงนั้น นอกจากไม่เป็นมิตรกับยุงแล้ว ก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้ได้ด้วย จึงควรเลือกจุดยากันยุง หรือฉีดสเปรย์กำจัดยุงให้เหมาะสมกับการใช้และศึกษาวิธีใช้อย่างถูกต้องด้วย

5. ปลูกต้นไม้ที่ช่วยไล่ยุงได้

สำหรับคนที่กังวลในเรื่องสารเคมีจากยาจุดกันยุงหรือสเปรย์กำจัดยุง ลองเปลี่ยนมาเป็นการปลูกต้นไม้ที่ช่วยไล่ยุงแทน เช่น ตะไคร้หอม โหระพา สะระแหน่ โรสแมรี่ และใบแมงลัก ฯลฯ เพราะต้นไม้เหล่านี้ค่อนข้างมีกลิ่นแรง ช่วยไล่ยุงหรือแมลงต่าง ๆ ให้อยู่ห่างจากบริเวณนั้นได้ และยังได้พืชผักไว้ทำครัว แถมเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้านได้ด้วย

6. เลี่ยงการใส่เสื้อสีเข้ม

เสื้อสีโทนเข้ม อย่างสีดำ สีกรมท่า เป็นสีที่ดูดความร้อนได้ดี ซึ่งยุงส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนและชื้น การสวมเสื้อผ้าสีเข้มจึงเป็นการดึงดูดให้ยุง ซึ่งเป็นสัตว์ที่ชอบอากาศร้อนและความชื้นเข้าหาตัว ทำให้เสี่ยงโดนยุงกัด ลองเปลี่ยนมาสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่มีสีอ่อนแทน

อย่างที่บอกไปว่ายุง เป็นเป็นพาหะนำโรค ไม่ใช่แค่อาการผื่นแพ้ยุงเท่านั้น แต่ยังสามารถก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ด้วย เช่น โรคไข้เลือดออก, โรคมาลาเรีย, โรคชิคุนกุนยา, โรคซิก้าหรือโรคเท้าช้าง เป็นต้น จึงควรป้องกันและลดความเสี่ยงจากการถูกยุงกัดให้ดี รวมไปถึงหาไอเทมป้องกันยุงและตุ่มยุงกัด อย่างเช่น ยาทากันยุง ยาจุดกันยุง สเปรย์กันยุง พกเอาไว้ติดบ้าน ติดตัวเอาไว้ป้องกันยุงกันด้วยนะคะ

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.eucerin.co.th/skin-concerns/atopic-dermatitis/skeeter-syndrome?srsltid=AfmBOorGzWfkdCOFoohcFVrX0go_wjaf_GTiBMX2awqMvlmk5jvk7BxU
https://www.zambuk.co.th/itch-from-skeeter-syndrome
https://www.pobpad.com/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B4
https://www.exta.co.th/mosquito-bite/

คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

วิตามินรวม ยี่ห้อไหนดี 2025 ช่วยเรื่องอะไร รวมประโยชน์ของวิตามินรวม

Next

ผมสีแดง 2025 ไอเดียผมสีแดง ไม่แรงเกินไป เข้าได้ทุกสีผิว

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2025
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. ยุงกัด แพ้ยุง เป็นตุ่มยุงกัดคันแดง แก้ยังไงเห็นผล
  7. 10 สบู่ล้างหน้า ลดสิว ให้ผิวสะอาดกระจ่างใส
  8. AHA BHA คืออะไร ต่างกันอย่างไร ช่วยให้หน้ากระจ่างใสไร้สิวได้จริงไหม
  9. ผิวลอก รู้จักโรคเซ็บเดิร์ม คืออะไร – รวมสาเหตุ อาการ และวิธีดูแลรักษาให้ดีขึ้น
  10. ผื่นแพ้อากาศ ผื่นคันแพ้ฝุ่น ดูแลรักษาอย่างไร
  11. ผมสีแดง 2025 ไอเดียผมสีแดง ไม่แรงเกินไป เข้าได้ทุกสีผิว
*/?>