หัวใจที่แข็งแรงเป็นปัจจัยสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีโดยรวม เนื่องจากหัวใจจะสูบฉีดเลือดและออกซิเจนให้กระจายไปที่อวัยวะอื่น ๆ ทั้งหมดโดยทำงานตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด อย่างไรก็ตาม หัวใจอาจเกิดภาวะทำงานผิดปกติได้หากกล้ามเนื้อหัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปยังสมองและอวัยวะสำคัญอื่นๆ ลดลง ภาวะที่พบบ่อยที่สุดที่อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันเลือดสูง และอาการหัวใจวายที่เป็นมาก่อน
ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก โรคหัวใจและหลอดเลือด (CVDs) เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตทั่วโลก โดยคร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 17.9 ล้านคนในแต่ละปี CVDs เป็นกลุ่มอาการผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด และรวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรครูมาติก และสภาวะอื่นๆ
ความดันเลือดสูง ระดับคอเลสเตอรอลสูง และการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 3 ประการที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ การเป็นโรคเบาหวาน การมีน้ำหนักมากเกินไปหรือเป็นโรคอ้วน การรับประทานอาหารที่ไม่ดี การละเลยการออกกำลังกาย และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
การปรับเปลี่ยน การรักษา หรือการควบคุมปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ และการดำเนินวิถีชีวิตอย่างมีสุขภาพดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เราทุกคนไม่แก่หรืออ่อนวัยเกินกว่าที่จะเริ่มดูแลสุขภาพของหัวใจ
การตรวจสุขภาพหัวใจด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่
- นัดหมายเพื่อพบแพทย์
- เรียนรู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงอะไรบ้าง
- ติดตามและจัดการกับความเสี่ยงของตัวเอง
แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากมีสัญญาณหรืออาการแสดงถึงการอาจเป็นโรคหัวใจ
8 วิธีดูแลหัวใจให้แข็งแรง
การทำความเข้าใจและควบคุมคอเลสเตอรอลและความดันเลือดเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพหัวใจ โดยมี 8 เรื่องที่สามารถทำได้:
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
มีงานศึกษาหลายงานแสดงให้เห็นว่าคนที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวมักจะมีอาการหัวใจวายมากกว่าคนที่เคลื่อนไหวเป็นประจำ การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจวายหรือเป็นโรคหัวใจได้ ตั้งเป้าหมายที่จะออกกำลังกายระดับความเข้มข้น-ปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีทุกสัปดาห์ตามที่ CDC แนะนำ - รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจ
ลดเกลือและทานน้ำตาลให้น้อยลง รวมทั้งจำกัดไขมันอิ่มตัวเพื่อควบคุมความดันเลือดและระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย นอกจากนี้ ควรทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้นเพื่อเติมพลังให้หัวใจและควบคุมน้ำหนัก - หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ – และอยู่ให้ไกลจากผู้ที่สูบบุหรี่
การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้น หากใครสูบบุหรี่อยู่ ขอแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ ในทางกลับกัน การเป็นผู้สูบบุหรี่มือสองเป็นเรื่องที่ต้องระวังเช่นกัน มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า แค่สูดดมควันก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการมีแคลเซียมเกาะในหลอดเลือดหัวใจอย่างมีนัยสำคัญ โปรดหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ที่สูบบุหรี่ให้มากที่สุด - ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
ควรพบแพทย์เป็นประจำสำหรับการตรวจร่างกายประจำปีเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า ระดับความดันเลือดและคอเลสเตอรอลของเราไม่เป็นอันตราย สุขภาพจิตมั่นคง และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการลดความเสี่ยงในการมีภาวะสมองเสื่อม - ลดน้ำหนัก
การมีน้ำหนักมากเกินไปหรือเป็นโรคอ้วนจะนำไปสู่ภาวะสุขภาพที่ร้ายแรงหลายอย่าง และยังอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ อาทิเช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะสมองเสื่อมในหลอดเลือด การลดน้ำหนักไม่เพียงแต่จะช่วยลดภาระงานให้หัวใจแล้ว ยังช่วยลดไขมันที่เกาะอยู่รอบหัวใจ และลดการสร้างคราบจุลินทรีย์ที่อาจเกิดการสะสมและอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งอาจทำให้หัวใจวายได้ - ควบคุมความเครียด
ความเครียดสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ 2.5 เท่า – คล้ายกับการสูบบุหรี่และโรคเบาหวาน เพราะความเครียดเรื้อรังทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดต้องต่อสู้หรือหนีตลอดเวลา ทำให้เกิดการอักเสบ ความดันเลือดสูง และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่ทำให้สุขภาพแย่ การฝึกปฏิบัติต่าง ๆ เช่น การนั่งสมาธิ การหายใจลึก ๆ และโยคะ พบว่าช่วยรับมือและลดความเครียดลงได้ - ดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง
แอลกอฮอล์สามารถส่งผลกระทบต่อหัวใจได้โดยทำให้เกิดความดันเลือดสูง หัวใจเต้นผิดปกติ และทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเสียหาย เพื่อทำให้หัวใจแข็งแรง ขอแนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์ในระดับต่ำ - ทะนุถนอมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
การมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและเปี่ยมด้วยความรักกับเพื่อนและครอบครัวอาจเป็นประโยชน์ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด มีทฤษฎีหนึ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ที่ดีจะทำให้คนสงบลงจากปฏิกิริยาต่อสู้หรือหนีซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดความกลัวหรือโกรธ จากการศึกษา พบว่า ความใกล้ชิดทางกาย เช่น การจับมือหรือการกอด สามารถลดระดับฮอร์โมนความเครียดได้
หากมีข้อกังวลใด ๆ ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์หรือพยาบาล
คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ
- โทนเนอร์คืออะไร จำเป็นไหม และใช้ตอนไหนดี
- 10 ลายเล็บเจลขับผิว ช่วยให้นิ้วขาว มือดูสวยผ่อง
- โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
- เหตุผลที่คุณควรเลือกมาส์กชีทที่พัฒนาสูตรโดยแพทย์ผิวหนังเกาหลี
- 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลมอ้วนช่วยพรางหน้าให้เรียวเล็ก