เซย์ไฮ สาว ๆ วัตสันสุดที่เลิฟทุกท่าน ช่วงนี้เดี๋ยวแดด เดี๋ยวฝน และไหนจะมลภาวะ หลายคนคงมีปัญหาหนักใจโดยเฉพาะเรื่องผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหมองคล้ำ เซลล์ผิวเก่า ๆ ที่ยากจะกำจัด ปัญหาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และอื่น ๆ ที่ตามมาอีกนับไม่ถ้วน แต่ไม่ต้องห่วงหรือกังวลไป เพราะวันนี้เราตั้งใจที่จะมามอบสูตรผลัดเซลล์ผิว รวมถึงวิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าให้กับสาว ๆ ที่กำลังรู้สึกว่าเซลล์ผิวเริ่มมีความอ่อนแอและกำลังถูกทำร้าย ส่วนใครที่เป็นกังวล และกลัวว่าเกิดมาไม่เคยผลัดเซลล์ผิวหน้าเลยแม้แต่ครั้งเดียวจะได้ผลมั้ย?? บอกเลยว่าทำได้ เป็นวิธีที่ได้ผลด้วย แต่ก่อนอื่นเราไปดูประโยชน์ของเรื่องราวที่เรานำมาฝากก่อนดีกว่าค่ะว่า มีความจำเป็นและต้องทำถึงระดับไหน ไปดูกันเลยค่ะสาว ๆ
การผลัดเซลล์ผิวหน้า คืออะไร?
สำหรับการผลัดเซลล์ผิวคือ การนำเซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วออกไป หลังจากนั้นก็จะเกิดผิวใหม่มาแทนโดยปกติแล้วผิวหนังของสาว ๆ จะมีการผลัดเซลล์ผิวอยู่แล้วทุก 28 วัน แต่เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นความสามารถและระบบการแบ่งตัวของเซลล์จะไม่ค่อยดีและลดน้อยลง เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วมักจะไม่ยอมหลุดหรือผลัดออกไปง่าย ๆ หนำซ้ำยิ่งจะมีการเกาะกลุ่มรวมตัวกัน และเป็นตัวการขัดขวางไม่ให้เซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน จนทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำ เกิดปัญหาสิวอุดตัน รวมถึงปัญหาผิวอื่น ๆ ที่ตามมาแบบนับไม่ถ้วน ดังนั้นเมื่อกระบวนการทางธรรมชาติไม่ได้ผล เราจึงต้องมีวิธีหรือสูตรในการผลัดเซลล์ผิวกาย และผลัดเซลล์ผิวหน้าขึ้นมานั่นเองค่ะ
ทำไมควรผลัดเซลล์ผิวหน้า
การผลัดเซลล์ผิวหน้าเป็นการทำเพื่อช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วบนผิวหน้าหลุดออกไป ทำให้เซลล์ผิวใหม่ผลิตมาแทนที่ได้ไวขึ้น และการผลัดเซลล์ผิวยังเป็นวิธีดูแลผิวที่เหมาะกับคนที่มีรูขุมขนกว้าง เพราะจะช่วยป้องกันการอุดตัน เนื่องจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วแต่ไม่ยอมหลุด อาจไปผสมกับน้ำมันบนผิวและขนเล็ก ๆ และก่อให้เกิดเป็นสิวเสี้ยนหรือทำให้ผิวเกิดสิวอุดตันได้ การผลัดเซลล์ผิวเลยจะช่วยลดปัญหาเรื่องของรูขุมขนอุดตัน ลดปัญหาเรื่องสิว ผิวหน้าหมองคล้ำลงไปได้ด้วย
การผลัดเซลล์ผิวหน้า มีข้อดี-เสียอย่างไร?
ข้อดีของการผลัดเซลล์ผิวหน้า
- ช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใสขึ้นมาทดแทน เมื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออก จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่ผลิตมาแทนที่ได้ไวขึ้น
- ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ผสมกับน้ำมันบนผิวและขนเล็ก ๆ สาเหตุที่ก่อให้เกิดรูขุมขนอุดตันออกไปด้วย
- ช่วยให้ผิวสามารถซึมซับสกินแคร์บำรุงผิวต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เมื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว หรือสิ่งอุดตันรูขุมขนต่าง ๆ ออกไป จึงทำให้ผิวหน้าสะอาดขึ้น ทำให้ผิวสามารถซึมซับสกินแคร์บำรุงผิวต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
ข้อเสียของการผลัดเซลล์ผิวหน้า
- เกิดการระคายเคืองและเป็นรอยแดง เมื่อมีการผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองและเป็นรอยแดง จากส่วนผสมที่ใช้ในการขัดผิวซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ
- ทำให้ผิวเสียสมดุล การผลัดเซลล์ผิวบ่อย ๆ อาจจะทำให้ผิวแห้ง เนื่องจากเซลล์ผิว
ที่หลุดออกไป หรืออาจจะทำให้ผิวมันมากขึ้น เพราะผิวที่แห้งจากการผลัดเซลล์บ่อยครั้ง จนผิวผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป - ทำให้ผิวหน้าแห้งลอกได้ง่าย การผลัดเซลล์ผิวบ่อยจนเกินไป สามารถทำให้ผิวของเราสูญเสียความชุ่มชื่นและแห้งลอกได้ง่าย
วิธีผลัดเซลล์ผิวหน้า สำหรับสภาพผิวแต่ละชนิด
ผิวธรรมดา
การผลัดเซลล์ผิวสำหรับผิวธรรมดาจะเหมาะกับสครับหรือสารเร่งผลัดเซลล์ผิว AHA (Alpha hydroxy acid) หรือ BHA (Beta hydroxy acid) สามารถเลือกใช้ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ควรใช้พร้อมกัน เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น
ผิวแห้ง
ควรใช้สารเร่งผลัดเซลล์ผิว AHA และไม่ควรใช้สครับเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น
ผิวบอบบางแพ้ง่าย
ควรใช้สารเร่งผลัดเซลล์ผิว BHA ที่มีความเข้มข้นน้อยลงและอ่อนโยนต่อผิว เพราะเป็นสารที่อ่อนโยนต่อผิวจะดีที่สุด
ผิวมัน
สามารถใช้สารเร่งการผลัดเซลล์ผิวได้ทั้ง AHA และ BHA และใช้สครับได้ด้วยเช่นกัน แต่แนะนำให้ใช้ BHA เพราะว่าสามารถละลายได้ดีในน้ำมันและช่วยปรับรูขุมขนให้เล็กลง ควบคุมความมันได้ดีขึ้น และไม่ควรใช้สารเร่งผลัดเซลล์ผิวร่วมกับสครับ
สาร AHA และ BHA แตกต่างกันอย่างไร?
ก่อนหน้านี้เราได้เล่าถึงวิธีการผลัดเซลล์ผิวหน้า ด้วยการเลือกใช้สารผลัดเซลล์ผิวมาแล้ว หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า สารผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA และ BHA ทำหน้าที่อะไร และมีคุณสมบัติอย่างไร วัตสันเลยนำเอาข้อแตกต่าง ทั้งข้อดีและข้อเสียของสารทั้ง 2 ตัวมาแบ่งปันเพื่อน ๆ ในบทความนี้
ข้อดี ข้อเสียของ AHA (Alpha hydroxyl acid)
สำหรับ ข้อดีของ AHA (Alpha hydroxyl acid) จะมีโมเลกุลที่เล็กและซึมลงผิวได้ดีกว่า มีคุณสมบัติทั้งช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ลดเลือนรอยสิว จุดด่างดำและสิวอุดตันได้ ส่วนข้อเสียของ AHA ทำงานได้ดีแค่กับผิวชั้นบน ไม่สามารถละลายในน้ำมันได้ และอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น เกิดการระคายเคือง ผิวบวมแดงหรือคัน ผิวแห้ง ผิวลอก สีผิวไม่เท่ากัน และผิวไวต่อแดดขึ้นได้
ข้อดี ข้อเสียของ BHA (Beta hydroxyl acid)
ข้อดีของ BHA (Beta hydroxyl acid) คือเป็นสารที่ใช้ความเข้มข้นน้อยกว่า AHA และสามารถละลายได้ดีในน้ำมัน ทำความสะอาดผิวที่มีความมันได้ดีกว่า ช่วยทำความสิ่งสกปรก และมีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ที่ตายแล้วเร็วขึ้น ทำให้ผิวกระจ่างใส และช่วยปรับรูขุมขนให้เล็กลง ลดการอุดตัน แต่ข้อเสียของ BHA ก็อาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองขึ้นได้ด้วย
5 สูตรผลัดเซลล์ผิวหน้า กู้ผิวใสสไตล์สาวสุขภาพดี
1. สูตรผลัดเซลล์ผิวสำหรับผิวแห้ง
สาว ๆ ที่มีผิวแห้งควรหลีกเลี่ยงวิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าที่เน้นการขัดหรือถู เพื่อไม่ให้ผิวลอกเป็นขุยรวมถึงเกิดการระคายเคือง โดยควรผลัดเซลล์ผิวหน้าและผิวกายด้วยผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของกรด AHA ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวร่วมด้วย และสำหรับสูตรผลัดเซลล์ผิวง่าย ๆ ที่เหมาะกับสาว ๆ ผิวประเภทนี้ก็คือ มะขามเปียกกับน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นของที่หาได้ง่าย ๆ จากในตู้เย็น เพียงน้ำมาผสมในปริมาณที่เท่า ๆ กัน กรดผลไม้อย่าง AHA จะช่วยขจัดเซลล์ผิว ปรับผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น ส่วนน้ำผึ้งมีคุณประโยชน์ในการลดความแห้งกร้าน ช่วยให้ผิวมีความเนียนนุ่ม อย่างไรก็ตาม สูตรนี้ควรทำเพียงสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ไม่ควรทำทุกวัน มิเช่นนั้นผิวอาจระคายเคืองได้
2. สูตรผลัดเซลล์ผิวสำหรับผิวบอบบาง
ใครที่มีผิวบอบบางควรหลีกเลี่ยงการผลัดเซลล์ผิวแบบขัดและถูแรง ๆ เพราะจะทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ส่วนสูตรผลัดเซลล์ผิว และวิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าที่ขอแนะนำยังคงเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ หรือพืชผักผลไม้ที่มีส่วนประกอบของ AHA เน้นไปที่การเพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่มเลเวลความนุ่มลื่นให้กับผิว เพียงนำแตงกวามาปั่นละเอียดให้ได้ประมาณ 3/4 ถ้วย จากนั้นผสมกับน้ำตาลทราย 1 ถ้วย และน้ำมันมะพร้าว 1/4 ถ้วย นำไปลูบไล้บนผิวหน้าหรือผิวกายเบา ๆ พอกทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออก เพียงเท่านี้แค่นี้ก็จะได้ผิวที่นุ่มลื่นขึ้น และตอกย้ำความฉ่ำน้ำได้เป็นอย่างดีทีเดียวเชียวล่ะค่ะ
3. สูตรผลัดเซลล์ผิวสำหรับผิวมัน
บางคนมีความเชื่อว่าคนที่ผิวมัน ผิวจะมีการทำงานตลอดเวลา จนไม่จำเป็นต้องผลัดเซลล์ผิวหน้า หรือขัดสีฉวีวรรณแต่อย่างใด แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะผิวไหน ๆ ยังคงจำเป็นที่จะต้องขจัดเซลล์ผิวเก่าทิ้งทั้งสิ้น สำหรับในส่วนของสาวผิวมัน ควรใช้สูตรผลัดเซลล์ผิวโดยใช้วิธีการสครับผิวประมาณสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนของ AHA ควบคู่การกับบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เป็นแบบปราศจากน้ำมัน (Oil Free) ได้
ส่วนวิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าและผิวกายที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ขอแนะนำเป็นสูตรขมิ้นชัน 1 ถ้วย ผสมกับดินสอพอง 6 – 10 ลูก และแตงกวาบดครึ่งลูก ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน สูตรนี้จะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส เรียบเนียน ช่วยลดการอักเสบของสิวที่เกิดจากต่อมไขมันทำงานผิดปกติ รวมถึงช่วยลดผดผื่นคัน และทำให้ผิวชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี
4. สูตรผลัดเซลล์ผิวสำหรับผิวผสมและผิวธรรมดา
ผิวธรรมดา และผิวผสมเป็นผิวที่ไม่ค่อยมีปัญหา สามารถผลัดเซลล์ผิวได้ทั้ง 2 แบบ ทั้งการสครับ และการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของกรด AHA แต่ก็ไม่ควรใช้ทั้งสองอย่างในวันเดียวกัน หรือบ่อยเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผิวระคายเคืองและแห้งตึงได้ และสำหรับสูตรผลัดเซลล์ผิว และวิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าที่วัตสันขอแนะนำสำหรับสาวผิวผสมและผิวธรรมดาก็คือสูตรมะนาว มะขามเปียก และโยเกิร์ต ซึ่งสูตรนี้เป็นการนำพลังของทั้งสองผลไม้รสเปรี้ยวมาช่วยในการฆ่าเชื้อสิ่งสกปรก และโยเกิร์ตจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน โดยสูตรนี้สามารถใช้ได้กับทั้งใบหน้า คอ ลำตัว แขน ขา และอีกหลายส่วน ส่วนผลลัพธ์เมื่อทำเป็นประจำจะรู้สึกได้เลยว่าผิวไบรท์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
5. สูตรผลัดเซลล์ผิวสำหรับลดผิวหยาบกร้าน
ในบรรดาผลลัพธ์ของการผลัดเซลล์ผิว ที่นอกเหนือไปจากการมีผิวขาวใสนั่นก็คือการลดความหยาบกร้านบนผิวของเรานั่นเอง ซึ่งวิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าและผิวกายนี้ สามารถใช้ได้กับผิวทุกรูปแบบ โดยรูปแบบการสครับและขัดถูเพียงนำกากกาแฟประมาณ 1 ถ้วย ผสมกับน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกหรือขัดถูบริเวณใบหน้าและตามร่างกาย พอกทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก สูตรนี้คาเฟอีนในกากกาแฟจะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดทำให้ผิวมีสุขภาพดี ดูมีเลือดฝาด ผิวสะอาด ส่วนน้ำมะนาวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ขาวกระจ่างใส และน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น
ผิวแบบใดไม่ควรผลัดเซลล์ผิวหรือสครับหน้า
การผลัดเซลล์ผิวหรือการสครับหน้า เป็นการผลัดเอาเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ขจัดสิ่งอุดตันออกจากรูขุมขน อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวบาง ผิวมีแนวโน้มแพ้ง่าย เพราะอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และทำให้ผิวบางลงกว่าเดิม เกิดอาการผิวแห้ง ลอกเป็นขุยได้ง่าย รวมไปถึงคนที่มีสภาพผิวที่เปลี่ยนไป เช่น ผิวแห้งมากขึ้น ผิวมันมากขึ้น ควรหยุดการผลัดเซลล์ผิวเอาไว้ก่อน เพราะสภาพผิวที่เปลี่ยนไปอาจบ่งบอกได้ถึงการผลัดเซลล์ผิวหน้าบ่อยจนเกินไป หรือมีการใช้สารในการผลัดเซลล์ผิวในปริมาณที่เข้มข้นจนเกินไป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสาว ๆ กับ 5 สูตรผลัดเซลล์ผิวที่วัตสันนำมาฝากกัน รับรองว่าสูตรที่แนะนำมาช่วยกู้ผิวหมองคล้ำให้กลับมาดูสวยใส ผิวสุขภาพดีได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญอย่าลืมที่จะบำรุงหลังสครับหรือผลัดเซลล์ผิวหน้าทุกครั้งเพราะเป็นช่วงที่ผิวพร้อมรับการบำรุงมากที่สุด ดังนั้นสาว ๆ อย่าลืมหามาส์กหน้าดี ๆ สักแผ่นมาบำรุงกัน หรือถ้าอยากรู้ว่าการมาส์กหน้าที่ได้ผลดีและถูกต้องเป็นอย่างไรก็สามารถดูได้ที่วิธีมาส์กหน้าเลย ส่วนคอนเทนท์หน้าวัตสันจะมีเคล็ดลับอะไรมาฝากสาว ๆ อีกก็อย่าลืมติดตามกันนะคะ บ๊ายบายค่า
ข้อมูลอ้างอิง
การผลัดเซลล์ผิวหน้า คืออะไร? https://www.eucerin.co.th/about-skin/derms-articles/exfoliate?srsltid=AfmBOoqPufVdQOJqs2jimZn6_FNt5q-UAf0-ju-RpO9okt_ZxNgxsaZS
ผลัดเซลล์ผิวหน้าอย่างไร ให้หน้าเนียน กระจ่างใส https://www.bioderma.co.th/your-skin/clean-your-skin/exfoliate-for-bright-skin#p-5232
คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ
- แจกไอเดียเล็บ คริสต์มาส เปลี่ยนลุคให้ดูสดใส พร้อมเฉิดฉาย
- โทนเนอร์คืออะไร จำเป็นไหม และใช้ตอนไหนดี
- 10 ลายเล็บเจลมือขาว ขับผิว ช่วยให้นิ้วขาว ทําให้มือสว่าง
- โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
- เหตุผลที่คุณควรเลือกมาส์กชีทที่พัฒนาสูตรโดยแพทย์ผิวหนังเกาหลี