ปวดท้อง ท้องเสีย เกิดจากอะไร ท้องเสียห้ามกินอะไร คนท้องเสียควรกินอะไรบ้าง พร้อมวิธีการรับประทานอาหารที่ถูกต้องสำหรับคนท้องเสีย
ท้องเสียควรกินอะไร คนท้องเสียห้ามกินอะไรบ้าง ถ้าไม่อยากเป็นหนักกว่าเดิม
อาการท้องเสียเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน เกิดจากการที่ลำไส้ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้อุจจาระมีลักษณะเหลวและถ่ายบ่อยกว่าปกติ สาเหตุมีได้หลายประการ ทั้งจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือพยาธิ การแพ้อาหาร ความเครียด หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นอาการ มีบทบาทสำคัญในการบรรเทาอาการและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ดังนั้น การรู้ว่าควรรับประทานและหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดูแลตนเองเมื่อมีอาการท้องเสีย

ปวดท้อง ท้องเสีย (Diarrhea) เกิดจากอะไรได้บ้าง
ปวดท้อง ท้องเสีย (Diarrhea) เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการติดเชื้อจากแบคทีเรีย เช่น อีโคไล ซัลโมเนลลา หรือแคมไพโลแบคเตอร์ การติดเชื้อไวรัส เช่น โรต้าไวรัส โนโรไวรัส หรือการติดเชื้อปรสิต เช่น อะมีบา นอกจากนี้ยังเกิดจากการแพ้อาหาร โดยเฉพาะนมวัว แลคโตสในผลิตภัณฑ์นม กลูเตนในธัญพืช หรือเกิดจากผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะที่ทำลายแบคทีเรียดีในลำไส้ ยาลดกรด หรือยาที่มีแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบ รวมถึงโรคทางเดินอาหารเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้แปรปรวน โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือโรคเซลิแอค
อาการอาหารเป็นพิษ
อาการอาหารเป็นพิษเกิดจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือสารพิษที่เชื้อจุลินทรีย์สร้างขึ้น โดยมักมีอาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 1-6 ชั่วโมงหลังรับประทาน เริ่มด้วยอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน ตามด้วยอาการท้องเสียที่มีลักษณะเป็นน้ำ อาจมีมูกหรือเลือดปน บางรายอาจมีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามร่างกาย หากมีอาการรุนแรง เช่น อาเจียนต่อเนื่อง ท้องเสียมากกว่า 3 วัน มีไข้สูงเกิน 38.5 องศา หรือมีอาการขาดน้ำรุนแรง ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
อาหารคนท้องเสีย – กินอะไรได้บ้าง?
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุก อาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้มหรือโจ๊กไม่ใส่เครื่อง มันฝรั่งต้มบด
- เกลือแร่หรือน้ำตาลเกลือแร่ จิบเพื่อชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไป ทั้งนี้ไม่ควรเก็บน้ำเกลือแร่ที่ดื่มไม่หมดไว้เกิน 24 ชั่วโมง รวมทั้งควรเก็บรักษาน้ำเกลือแร่ที่ผสมแล้วในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อลดโอกาสในการปนเปื้อน
- ดื่มน้ำสะอาด น้ำเปล่า หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด และเครื่องดื่มที่มีนมเป็นส่วนประกอบ

วิธีการรับประทานอาหารที่ถูกต้องสำหรับคนท้องเสีย
1.ทานอาหารทีละน้อย
การแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายมื้อแทนการรับประทาน 3 มื้อใหญ่ เพื่อลดการทำงานหนักของระบบย่อยอาหารและป้องกันการระคายเคืองลำไส้ ควรรับประทานช้าๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่เพิ่มภาระให้กับลำไส้ที่กำลังอักเสบ และจิบน้ำบ่อยๆ ระหว่างมื้อแทนการดื่มครั้งละมากๆ การรับประทานอาหารเล็กน้อยทุก 2-3 ชั่วโมงช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ลดอาการปวดท้อง และช่วยให้ร่างกายค่อยๆ ฟื้นตัวจากอาการท้องเสียได้เร็วกว่า รวมถึงช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ไม่หิวหรืออ่อนเพลียมากเกินไป
2.เน้นอาหารอ่อนย่อยง่าย
วิธีการรับประทานอาหารที่ถูกต้องสำหรับคนท้องเสีย ในวันแรกควรเริ่มจากการทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้มหรือโจ๊กหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกากใย น้ำตาลสูง ไขมันสูง รสจัด นมสดหรืออาหารที่มีเครื่องปรุงรสจัดเพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานน้อยที่สุดและลดการระคายเคืองต่อลำไส้ที่กำลังอักเสบ ควรรับประทานทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง วันละ 5-6 มื้อ แทนที่จะรับประทานปริมาณมากในแต่ละมื้อ ค่อยๆ เพิ่มปริมาณอาหารหากอาการดีขึ้น โดยเริ่มจากการเพิ่มผักต้มสุก เนื้อปลา หรือไก่ต้มฉีกไม่ติดหนัง และสามารถเพิ่มอาหารอ่อนย่อยง่ายอื่นๆ เช่น กล้วยสุก ขนมปังขาว มันฝรั่งต้ม แครกเกอร์จืด และข้าวขาว และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเป็นอาหารปกติ
3.ดื่มน้ำให้เพียงพอ รักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย
จิบน้ำบ่อยๆ ทีละน้อย ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะทุก 15-30 นาที เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ แต่ไม่ควรดื่มครั้งละมากๆ เพราะจะกระตุ้นลำไส้ให้บีบตัวมากขึ้นและทำให้ท้องเสียรุนแรงขึ้น นอกจากนี้อาจเลือกดื่มสารละลายเกลือแร่เพื่อชดเชยแร่ธาตุที่สูญเสียไปกับอาการท้องเสีย หากมีอาการขาดน้ำรุนแรง เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย หน้ามืด ควรรีบพบแพทย์ทันที
ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทานอาหารตอนท้องเสีย
การสังเกตอาการ
หยุดทานทันทีถ้ารู้สึกไม่สบาย
สังเกตความรู้สึกของร่างกายระหว่างทาน และหยุดทานทันทีถ้ารู้สึกไม่สบาย เช่น มีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง หรือรู้สึกอิ่มเร็วผิดปกติ การฝืนรับประทานต่อไปอาจกระตุ้นให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้น ซึ่งจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากขึ้น ส่งผลให้การฟื้นตัวช้าลง
สังเกตการตอบสนองของร่างกายต่ออาหารแต่ละชนิด
สังเกตการตอบสนองของร่างกายต่ออาหารแต่ละชนิดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสีย ควรเริ่มจากการรับประทานอาหารอ่อนๆ ทีละน้อยและสังเกตว่าร่างกายรับได้หรือไม่ หากรู้สึกว่าอาการแย่ลงหลังทานอาหารชนิดใด ควรหลีกเลี่ยงอาหารนั้นไปก่อน แต่ละคนอาจตอบสนองต่ออาหารต่างกัน บางคนอาจทนต่อโจ๊กได้ดี แต่บางคนอาจรู้สึกท้องอืดหรือท้องเสียมากขึ้น ควรจดบันทึกอาหารที่รับประทานและอาการที่เกิดขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการท้องเสีย และค่อยๆ เพิ่มชนิดอาหารที่ร่างกายรับได้ดี
วิธีป้องกันอาการท้องเสีย
วิธีป้องกันอาการท้องเสียที่สำคัญคือการรักษาสุขอนามัย ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำสะอาด รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ล้างผักผลไม้ให้สะอาด และหลีกเลี่ยงอาหารที่วางไว้นานหรือไม่มั่นใจในความสะอาด
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการต่อไปนี้:
- ท้องเสียนานเกิน 3 วัน
- มีไข้สูง
- อาเจียนบ่อย
- มีเลือดปนในอุจจาระ
- อ่อนเพลียมาก
- มีอาการขาดน้ำรุนแรง
สรุป
การเลือก อาหารคนท้องเสีย ที่เหมาะสมและรู้ว่า ท้องเสียห้ามกินอะไร เป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นตัวจากอาการท้องเสีย ทานอาหารอ่อนๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก จะช่วยให้คุณหายจากอาการท้องเสียได้เร็วขึ้น
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น หากมีอาการรุนแรงหรือท้องเสียต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ
- หูอื้อข้างเดียวไม่หาย หูอื้อบ่อย แก้ยังไงให้ไม่กวนใจ
- ท้องเสียห้ามกินอะไร คนท้องเสียควรกินอะไรบ้าง
- ยาทาแผลในปาก คืออะไร ยาทาปากแก้ร้อนในมีกี่ประเภท
- ผมร่วงเยอะมากเกิดจากอะไร มารู้สาเหตุ และวิธีแก้ผมร่วงกัน
- โรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อราเกิดจากอะไร มารู้สาเหตุ อาการ และการรักษากัน