ปัญหาผมร่วงเป็นความกังวลที่พบได้บ่อยทั้งในผู้ชาย และผู้หญิง โดยในแต่ละวันเราสามารถ พบผมร่วงได้ประมาณ 50-100 เส้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากพบว่ามีผมร่วงเยอะมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงถึงปัญหาสุขภาพที่เราควรใส่ใจ ทั้งนี้สาเหตุของผมร่วงมีได้หลายประการ ตั้งแต่กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ความเครียด การขาดสารอาหาร ไปจนถึงโรคบางชนิด การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของผมร่วง จะช่วยให้เราสามารถเลือกวิธีการรักษา และป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด
วงจรการเจริญของเส้นผม
วงจรการเจริญของเส้นผมแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- ระยะเจริญเติบโต (Anagen phase) ซึ่งเส้นผมจะมีการเจริญเติบโตต่อเนื่องประมาณ 2-6 ปี
- ระยะหยุดการเจริญเติบโต (Catagen phase) เป็นช่วงที่เส้นผมหยุดการเจริญเติบโต และเตรียมหลุดร่วง ใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
- ระยะพัก (Telogen phase) เป็นระยะที่รากผมพักตัวก่อนที่จะเริ่มสร้างเส้นผมใหม่ ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน
ผมร่วงเยอะเกิดจากอะไร? สาเหตุหลักที่คุณต้องรู้
1. ปัจจัยทางพันธุกรรม
- ประวัติครอบครัวมีปัญหาผมร่วง
- ฮอร์โมนเพศชาย DHT มีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดปัญหาผมร่วง
- ผมร่วงที่เพิ่มขึ้นตามอายุ
2. ความเครียดและการพักผ่อน
- ความเครียดสะสม
- การนอนดึกเป็นประจำ
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
3. ปัญหาสุขภาพ
- ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ที่ผิดปกติ
- โรคผิวหนังศีรษะ
- ภาวะโลหิตจาง
- ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ
4. พฤติกรรมการดูแลเส้นผม
- การใช้ความร้อนกับเส้นผมบ่อยเกินไป
- การรัดผมแน่นเกินไป
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง
ลักษณะแบบไหนที่เรียกว่าผมร่วงผิดปกติ
หากสังเกตพบลักษณะอาการต่อไปนี้ถือว่าผิดปกติ เช่น
- ผมร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน
- เห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้น
- ผมบางลงอย่างเห็นได้ชัด
- มีผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือพบผมร่วงร่วมกับอาการคันศีรษะ มีรังแค หรือมีแผลที่หนังศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
ผมร่วงมีกี่ประเภท
ผมร่วงแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือผมร่วงแบบชั่วคราว และผมร่วงแบบถาวร โดยผมร่วงแบบชั่วคราวมักเกิดจากปัจจัยภายนอกที่สามารถแก้ไขได้ เช่น ความเครียด การขาดสารอาหาร ฮอร์โมนแปรปรวน หรือผลข้างเคียงจากยา ส่วนผมร่วงแบบถาวรมักเกิดจากพันธุกรรม หรือความผิดปกติ ของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ผมร่วงแบบศีรษะล้าน (Androgenic Alopecia) หรือโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) ซึ่งต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
วิธีแก้ไขปัญหาผมร่วงอย่างได้ผล
1. การดูแลด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง
การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ผลิตภัณฑ์ที่ควรเลือกใช้ ได้แก่
- แชมพูลดผมร่วงที่มีส่วนผสมของ Minoxidil
- เซรั่มบำรุงรากผม
- วิตามินบำรุงเส้นผมชนิดรับประทาน
2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เพื่อลดปัญหาผมร่วงเยอะมาก ควรปฏิบัติดังนี้
- นอนหลับให้เพียงพอ (7-8 ชั่วโมงต่อคืน)
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม
- ลดการใช้ความร้อนกับเส้นผม
- หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นเกินไป
3. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ที่สามารถช่วยลดปัญหาผมร่วงได้
- โปรตีนคุณภาพดี
โปรตีนคุณภาพดีเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงเส้นผม และรากผมให้แข็งแรง เนื่องจากเส้นผม ประกอบด้วยโปรตีนประเภทเคราติน การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูงจึงช่วยซ่อมแซม และสร้างเส้นผมใหม่ได้ แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ ปลา ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่วเมล็ดแห้ง และผลิตภัณฑ์จากนม นอกจากนี้โปรตีนจากปลายังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย
- ไบโอติน
ไบโอติน (Biotin) หรือวิตามินบี 7 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต ของเส้นผม และการรักษาสุขภาพผม สามารถพบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น ไข่แดง ตับ ถั่วต่าง ๆ เมล็ดทานตะวัน อะโวคาโด ปลาแซลมอน โยเกิร์ต และธัญพืชไม่ขัดสี การรับประทานอาหารที่มี ไบโอตินเพียงพอจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผม ลดการหลุดร่วง และกระตุ้นการเจริญ เติบโตของเส้นผมใหม่ได้
- วิตามินบี
วิตามินบีเป็นกลุ่มวิตามินที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม นอกจากวิตามินบี 7 หรือไบโอตินแล้ววิตามินบี 5 หรือแพนโทธีนิก แอซิด ยังช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของรากผม สามารถพบได้ในอาหารหลากหลายชนิด เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ ถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว และยีสต์ การรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีครบถ้วน จะช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วง
- ธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม เพราะช่วยในการลำเลียงออกซิเจน ไปเลี้ยงรากผม การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์แดง ตับ ไข่แดง ผักใบเขียวเข้ม ถั่วต่างๆ และธัญพืชเสริมธาตุเหล็ก นอกจากนี้ควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซี เพื่อช่วยในการ ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
- สังกะสี
สังกะสีเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยบำรุงเส้นผม และหนังศีรษะ โดยมีบทบาทในการสร้างโปรตีน และคอลลาเจนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของเส้นผมอาหารที่มีสังกะสีสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ หอยนางรม ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดฟักทอง งา และธัญพืชไม่ขัดสี การรับประทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ให้เส้นผมและลดปัญหาผมร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิตามินดี
วิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์รากผม เราสามารถได้รับวิตามินดีจากอาหารหลายชนิด เช่น ปลาทะเลที่มีไขมันสูง (ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน) ไข่แดง เห็ด และผลิตภัณฑ์จากนม ที่เสริมวิตามินดี นอกจากนี้ร่างกายยังสามารถสร้างวิตามินดีได้เองเมื่อผิวหนังได้รับแสงแดด ในช่วงเช้าหรือเย็น แต่ควรรับแสงแดดอย่างพอเหมาะและหลีกเลี่ยงช่วงแดดจัด
อาการผมร่วงแบบไหนที่ต้องพบแพทย์หรือเภสัชกร
ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพบอาการต่อไปนี้:
- ผมร่วงเยอะมากผิดปกติทันทีทันใด
- มีอาการคันหรือระคายเคืองหนังศีรษะ
- มีผื่น หรือแผลที่หนังศีรษะ
- ผมร่วงร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ
วิธีป้องกันผมร่วงในระยะยาว
แนวทางการป้องกันปัญหาผมร่วงที่ได้ประสิทธิภาพ
1. ดูแลสุขภาพองค์รวม
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้น การไหลเวียนของเลือดไปที่หนังศีรษะ ทำให้รากผมได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของผมร่วง แนะนำให้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
- รับประทานอาหารครบ 5 หมู่
เนื่องจาก ผมต้องการสารอาหารที่หลากหลายในการเจริญเติบโต โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ และถั่ว ธาตุเหล็กจากผักใบเขียว วิตามินซีจากผลไม้ที่ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก วิตามินบีจากธัญพืช และไบโอตินจากไข่แดง การขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลให้ผมบาง ผมแห้ง และร่วงง่าย การรับประทานอาหารให้ครบถ้วนจึงช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง จากภายในสู่ภายนอก
- พักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะซ่อมแซม เซลล์ กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม และปรับสมดุลฮอร์โมน ลดระดับฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของผมร่วง ควรนอนวันละ 7-9 ชั่วโมง เข้านอนเป็นเวลา หลีกเลี่ยงหน้าจอ และคาเฟอีนก่อนนอน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟู และเสริมสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรง
2. ดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผม
ควรเลือกผลิตภัณฑ์แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพเส้นผม หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนจัด นอกจากนี้ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มีส่วนผสม ของสารอาหารที่จำเป็น เช่น วิตามินบี โปรตีน และไบโอติน หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อน จากเครื่องจัดแต่งทรงผมบ่อยเกินไป และใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากความร้อนทุกครั้ง ก่อนจัดแต่งทรงผม
- หวีผมอย่างนุ่มนวล
ควรเริ่มจากการหวีผมที่ปลายก่อนค่อยๆ ไล่ขึ้นไปที่โคนผม หลีกเลี่ยงการหวีผมแรงๆ หรือกระชากผม โดยเฉพาะเมื่อผมเปียก เพราะเส้นผมจะเปราะบางมากกว่าปกติ ควรใช้หวีที่เหมาะสม เช่น หวีซี่ห่างสำหรับผมที่พันกัน และหวีซี่ถี่สำหรับการจัดแต่งทรง รวมถึงทำความสะอาดหวีสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกที่อาจระคายเคืองหนังศีรษะ
- สระผมให้สะอาดทุกวัน
การสระผมเป็นประจำช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกิน และสารตกค้างที่อาจทำให้ หนังศีรษะอุดตันและเกิดปัญหาผมร่วง หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูที่มีสารซัลเฟตหรือพาราเบนซึ่งอาจทำให้ผมแห้งเสีย ขณะสระผม ควรนวดหนังศีรษะเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อน ที่อาจทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้น
3. จัดการความเครียด
- ฝึกสมาธิ
- ทำกิจกรรมผ่อนคลาย
- หางานอดิเรกที่ชอบ
สรุป
การแก้ปัญหาผมร่วงต้องเริ่มจากการหาสาเหตุที่แท้จริง และแก้ไขอย่างเป็นระบบ ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการดูแลสุขภาพองค์รวม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีความกังวล ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนการปรึกษาแพทย์ได้ หากมีอาการรุนแรงควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
หากต้องการปรึกษาเภสัชเพื่อรับคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ แอดเลยที่นี่ Watsons Pharmacist
คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ
- หูอื้อข้างเดียวไม่หาย หูอื้อบ่อย แก้ยังไงให้ไม่กวนใจ
- ท้องเสียห้ามกินอะไร คนท้องเสียควรกินอะไรบ้าง
- ยาทาแผลในปาก คืออะไร ยาทาปากแก้ร้อนในมีกี่ประเภท
- ผมร่วงเยอะมากเกิดจากอะไร มารู้สาเหตุ และวิธีแก้ผมร่วงกัน
- โรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อราเกิดจากอะไร มารู้สาเหตุ อาการ และการรักษากัน