โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share
ดูแลผิวเท้าให้เนียนนุ่ม

หลายคนอาจละเลยการดูแลผิวเท้า หรืออาจมองข้ามการบำรุงส่วนเท้าไป เพราะอาจเป็นส่วนที่ไม่มีใครเห็นได้ชัด แต่ว่าผิวเท้าก็สำคัญเช่นกันนะคะ เพราะเราใช้งานเท้าในทุกวัน อย่างการเดิน หรือออกไปไหน ดังนั้นเราหันมาดูแลบำรุงเอาใจใส่เท้าของเรากันดีกว่าค่ะ พร้อมแล้วตามไปดูกันเลยค่ะ กับทริคง่ายๆที่วัตสันนำมาฝาก


7 ทริคดูแลเท้าให้เนียนนุ่ม น่ามอง

1.ใช้กันแดด

ใช้กันแดด

คุณอาจจะทาครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้าและลำตัวเสมอ แต่อย่าลืมทาที่เท้าด้วยนะคะ หากคุณกำลังจะสวมรองเท้าแตะสิ่งสำคัญคือต้องทาครีมกันแดดลงบนส่วนที่สัมผัสกับเท้าของคุณเพื่อป้องกันความเสียหายจากแสงแดด และยังลดรอยคล้ำจากแดดได้ดีทีเดียว


2.ขัดเท้า

ขัดเท้า

การขัดผิวเท้าป็นประจำจะช่วยให้เท้าของคุณเนียนนุ่ม การขัดเท้าเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการขจัดผิวที่ตายแล้วและแห้งออกจากเท้าของคุณอย่างอ่อนโยน แช่ขาและเท้าในอ่างน้ำประมาณ 10-20 นาที ใช้สครับที่เท้าโดยตรงแล้วถูเบา ๆ ด้วยฝ่ามือ สิ่งนี้จะเผยให้เห็นผิวที่อ่อนนุ่ม ที่อยู่ข้างใต้ทำให้เท้าของคุณนุ่มและเผยผิวใหม่


3.ใช้หินภูเขาไฟ

ใช้หินภูเขาไฟ

หากคุณมีหินภูเขาไฟจะเหมาะอย่างยิ่งกับส้นเท้าที่ผ่านการใช้งานมาตลอด แช่เท้าและหินในน้ำอุ่นประมาณ 10-20 นาทีจากนั้นเคลื่อนย้ายหินภูเขาไฟที่เปียกเป็นวงกลมโดยใช้แรงกดเบา ๆ ไปที่ผิวหนังโดยมุ่งเน้นไปที่บริเวณที่มีปัญหา ขอแนะนำให้ล้างหินด้วยน้ำอุ่นและสบู่ล้างจานหลังการใช้งาน คุณยังสามารถฆ่าเชื้อได้เป็นประจำ จากนั้นผึ่งลมให้แห้ง และทาครีมบำรุงผิว


4.ใช้โลชั่น / ครีมบำรุงเท้า

ใช้ครีมบำรุงใช้โลชั่น / ครีมบำรุงเท้า

เท้าเราออกแบบมาเพื่อปกป้องผิวที่เราเดิน ผิวเท้าจึงแห้งกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกายโดยธรรมชาติด้วยชั้นป้องกันที่หนากว่า ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความชุ่มชื้นแก่เท้าของคุณทุกวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการขัดผิวและอย่าลืมด้วยโลชั่นทาเท้าหรือครีมบำรุงผิว เวลาที่ดีที่สุดในการทาครีมบำรุงผิวคือในขณะที่เท้าของคุณยังชื้นอยู่ ง่ายๆเลยคือครีมบำรุงหลังอาบน้ำค่ะ


5.ใช้ถุงเท้าให้ความชุ่มชื้น

ถุงเท้าให้ความชุ่มชื้น

สวมถุงเท้าให้ความชุ่มชื้นหลังจากที่คุณทาครีมบำรุงผิวลงบนเท้าแล้ว ถุงเท้าสามารถเร่งการดูดซึมของครีมได้โดยการทำให้เท้าของคุณอุ่นขึ้นและทำให้ครีมเข้าที่ การบำรุงที่เข้มข้นนี้ช่วยปรับปรุงสภาพเท้าที่แห้งและหยาบกร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ

ถุงเท้าให้ความชุ่มชื้น

6.ใช้สเปรย์ฉีดรองเท้า

ใช้สเปรย์ฉีดรองเท้า

เคยรู้สึกอายขณะถอดรองเท้าเนื่องจากเท้ามีกลิ่นเหม็นและรองเท้าเหม็นเนื่องจากเหงื่อออกมากเกินไปหรือไม่? เชื่อว่าหลายคนขาดความมั่นใจไปเลย การใช้สเปรย์ฉีดเท้าหรือรองเท้าช่วยให้คุณถอดรองเท้าได้อย่างมั่นใจโดยต่อสู้กับแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเท้าด้วยนะคะ


7.ใช้ยาทาเล็บ

ใช้ยาทาเล็บเท้า

อย่าลืมยาทาเล็บสีที่คุณชื่นชอบ สไตล์ของคุณ เลือกสีที่เผ็ดแซ่บ รับรองว่าเท้าของคุณจะสวยปังขึ้น จะไม่สมบูรณ์หากไม่มีเฉดสีสวย ๆ เก๋ ๆ เหล่านี้!

อย่าลืมนำ 7 เคล็ดลับที่เรานำมาฝากไปลองทำตามกันดูนะคะ รับรองว่าเท้าจะเนียนนุ่ม ผิวเท้าดีขึ้นเชียวค่ะ แล้วกลับมาพบกันใหม่คอนเท้นหน้าค่า


อ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ


#health #ดูแลสุขภาพ #howto ดูแลผิว #howto ผิวสวย #ครีมกันแดด #ชิ้นที่สองบาทเดียว #ดูแลผิว #ดูแลสุขภาพ #บำรุงผม #บำรุงผิว #บำรุงผิวสวย #ผิวขาว #ผิวชุ่มชื้น #ผิวนุ่มชุ่มชื้น #ผิวสวยใส #ผิวแพ้ง่าย #ผิวแห้ง #มาสก์หน้า #ลิปสติก #ลิปสติกติดทน #วิธีการแต่งหน้า #วิธีแต่งหน้า #สไตล์การแต่งหน้า #อาหารเสริม #เคล็ดลับดูแลผิว กันแดด ความงาม ชิ้นที่สอง1บาท ดูแลผิว ทรงผม บำรุงผม ผิวมัน ผิวสวย ลดน้ำหนัก สิว สีผม สุขภาพ ออกกำลัง ออกกำลังกาย อาหาร อาหารลดน้ำหนัก เคล็ดลับความงาม เมคอัพ เมคอัพธรรมชาติ แต่งหน้า แต่งหน้า

Previous

ผิวนุ่มตัวหอม ครบจบในหลอดเดียว JERGENS Body Butter Collection

Next

5 สูตรมาส์กหน้ากู้ผิวใสแบบเร่งด่วนจากวิกฤตแสงแดดแผดเผา

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2024
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลมอ้วนช่วยพรางหน้าให้เรียวเล็ก
  7. โทนเนอร์คืออะไร จำเป็นไหม และใช้ตอนไหนดี
  8. เหตุผลที่คุณควรเลือกมาส์กชีทที่พัฒนาสูตรโดยแพทย์ผิวหนังเกาหลี
  9. 10 ลายเล็บเจลมือขาว ขับผิว ช่วยให้นิ้วขาว ทําให้มือสว่าง
  10. แจกไอเดียเล็บ คริสต์มาส เปลี่ยนลุคให้ดูสดใส พร้อมเฉิดฉาย
  11. โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
*/?>