การรักษาที่ดีที่สุดในการขจัดรอยแผลเป็นจากสิวที่หลุดออกยาก
เหมือนกับว่าสิวทั้งหลายจะระรานผิวสาวๆ ไม่จุใจ ต้องขอทิ้งรอยแผลจากสิวไว้ให้ดูต่างหน้าเหมือนโรยไอซิ่งบนหน้าเค้กอีก เรามีข่าวดีค่ะ รอยแผลเป็นจากสิวสามารถรักษาได้ มีวิธีง่าย ๆ ในการทำให้รอยจางลงอย่างรวดเร็ว – หรือป้องกันรอยแผลเป็นไม่ให้มีสีเข้มขึ้นได้ มารู้วิธีรักษาสิวและกำจัดรอยแผลเป็นจากสิวเพื่อผิวสวยกันค่ะ โดยไม่ต้องใช้ยาลดรอยแผลเป็นกันค่ะ
#1 ทาครีมกันแดด
รังสียูวีและแสงที่มองเห็นได้จากดวงอาทิตย์ทำให้จุดสิวต่างๆ คล้ำยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทาครีมกันแดดทุกวัน ในความเป็นจริงแล้ว การป้องกันแสงแดดสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก รอยแผลเป็นจากสิวของสาวๆ อาจจะอยู่นานกว่าที่ต้องการหรือที่แย่ไปกว่านั้นก็คืออาจอยู่ถาวรไปเลย ขอแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดสูตรออยล์ฟรีสำหรับผิวที่เป็นสิวได้ง่ายเพื่อป้องกันไม่ให้สิวมีสีเข้มขึ้น
#2 การลอกหน้า
แผ่นลอกหน้าแบบทำเองที่บ้านมีกรดซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิกที่มีประสิทธิภาพสูงในการขัดผิวของสาวๆ แม้กระทั่งปรับโทนสีผิวและรักษารอยแผลเป็นจากสิวที่มีสีเข้มได้โดยไม่ทำลายผิว อย่างไรก็ตาม ไม่ควรลอกหน้าบ่อยเกินไปนะคะ สัปดาห์ละครั้งก็พอ การลอกหน้ามากเกินไปและการทำให้ผิวที่อักเสบอยู่แล้วมีอาการระคายเคืองจะยิ่งทำให้แผลเป็นอยู่นานยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด, การขัดผิว, การเลเซอร์หลังลอกหน้า
#3 เซรั่มเพิ่มความกระจ่างใส
การทาเซรั่มเพิ่มความกระจ่างใสวันละสองสามหยดจะช่วยให้สีผิวจางลงหลังใช้สองสามสัปดาห์ แนะนำให้ใช้เซรั่มที่มีสารเพิ่มความกระจ่างใสที่มีประสิทธิภาพ เช่น วิตามินบี 3 (ไนอาซินาไมด์) วิตามินซี, กรดโคจิกและสารสกัดจากรากชะเอมเทศซึ่งเหมาะสำหรับการปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสและรักษารอยด่างดำรวมถึงรอยแผลเป็นได้ โดยใช้ครีมทาแผลเป็น
#4 ลองใช้เรตินอยด์
ลองใช้เรตินอยด์เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลผิวของสาวๆ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิว ลบรอยแผลเป็นจากสิว และใช้เป็นยาทาแผลเป็นที่เกิดจากสิว ด้วยการผลัดเซลล์ผิวที่เพิ่มขึ้นจะทำให้สีผิวของสาวๆ สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น โดยทำให้จุดหรือรอยต่างๆ เหลือน้อยลง แต่ว่า เรตินอยด์สามารถทำให้ผิวแห้งมากได้ สาวๆ จึงควรเตรียมผิวให้พร้อมโดยทาครีมบำรุงผิวที่มีกรดไฮยาลูโรนิกหรือเซราไมด์ก่อนทาเรตินอยด์ในเวลากลางคืน และห้ามใช้เรตินอยด์ทุกวันตั้งแต่ครั้งแรก สาวๆ ต้องลองหาวิธีการของตัวเองให้สอดคล้องกับการใช้งาน
ตามมาดู