โหลดแอปฯ
ดาวน์โหลด:
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอปวัตสัน
  • google-play.png
  • app-store.png
  • app-gallery.png
ค้นหาร้านค้า บทความน่าอ่าน
Watsons Services
0
ตะกร้า
Share

สกินแคร์ คือไอเทมบำรุงผิวที่ใช้กับร่างกายทุกส่วน หลายคนอาจจะพอรู้จักสกินแคร์พื้นฐานมาบ้าง อย่างโฟมล้างหน้า เซรั่ม ครีมบำรุง มอยส์เจอไรเซอร์ กันแดด และนอกจากนั้นสกินแคร์ยังมีอีกหลายประเภทมากมาย ซึ่งทำหน้าที่ให้การบำรุงแตกต่างกันออกไปด้วย

บทความนี้วัตสันเลยอยากชวนเพื่อน ๆ มาเปิดโลกสกินแคร์ ทำความรู้จักกับสกินแคร์แต่ละประเภท เพื่อใช้สกินแคร์อย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับสภาพผิวของเรามากที่สุด สกินแคร์มีอะไรบ้าง ลองตามไปดูกัน

สกินแคร์ คืออะไร?

สกินแคร์ คือผลิตภัณฑ์ดูแล บำรุง และฟื้นฟูผิว ทั้งผิวหน้าและผิวกายให้แข็งแรง และช่วยให้ผิวดูสุขภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งสกินแคร์แต่ละตัวมีหน้าที่และคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป และเราสามารถแบ่งประเภทของสกินแคร์ออกมาได้ดังต่อไปนี้

สกินแคร์มีกี่ประเภท?

  1. สกินแคร์ปกป้องผิว คือ สกินแคร์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อปกป้องผิวจากปัจจัยทำร้ายผิวต่าง ๆ เช่น กันแดด
  2. สกินแคร์บำรุงผิว คือ สกินแคร์ที่ทำหน้าที่เสริมความชุ่มชื้น เสริมความกระจ่างใส และปลอบประโลมผิวให้ผิวแข็งแรง อย่างเช่น เซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ ฯลฯ
  3. สกินแคร์รักษาผิว คือ สกินแคร์ที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาจุดด่างดำ รักษาสิว ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ 
สกินแคร์ คือตัวช่วยในการทำความสะอาดผิวและบำรุงผิว

เนื้อสัมผัสของสกินแคร์มีกี่แบบ?

เนื้อสัมผัสของสกินแคร์ มีหลายรูปแบบมากมาย ทั้งเนื้อน้ำ เนื้อเจล เนื้อครีม ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีสกินแคร์ในรูปแบบของผงแป้ง และอีกมากมาย

ซึ่งถ้าเกิดเพื่อน ๆ อยากใช้สกินแคร์ให้ได้ผลดีที่สุด การลงสกินแคร์ตามลำดับเนื้อสัมผัส เป็นอีกหนึ่งวิธีบำรุงผิวที่ช่วยให้สกินแคร์ทำงานได้ดีด้วย และเมื่อเรียงตามลำดับการใช้งานตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาด ไปถึงขั้นตอนการบำรุง สามารถแบ่งเนื้อสัมผัสของสกินแคร์ออกได้ดังนี้

1.เมคอัพรีมูฟเวอร์ (Makeup remover)

สกินแคร์ คือสิ่งที่ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกอุดตัน และเครื่องสำอางออก เนื้อสัมผัสส่วนใหญ่จะมีเนื้อบางเบา และบางตัวมีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อช่วยละลายเมคอัพ อย่างเช่น คลีนซิ่งออยล์ คลีนซิ่งมิลค์ ส่วนใครที่มีผิวมัน หรืออยากเลี่ยงส่วนผสมของน้ำมัน ก็มี คลีนซิ่งวอเตอร์ และคลีนซิ่งเจล ที่มีส่วนผสมของน้ำมันอยู่น้อยให้เลือกอีกด้วย

2.คลีนเซอร์ (Cleanser)

อีกหนึ่งสกินแคร์ประเภททำความสะอาดผิว ช่วยชำระสิ่งสกปรกอุดตัน และเครื่องสำอาง สำหรับคลีนเซอร์ก็มีเนื้อสัมผัสให้เลือกหลากหลาย อย่าง โฟมล้างหน้า คลีนเซอร์เนื้อโฟมนุ่ม ล้างสิ่งสกปรกได้ดี เจลล้างหน้า สกินแคร์ทำความสะอาดที่เหมาะกับคนผิวมัน เนื้อเป็นเจลใส มีทั้งแบบมีฟองและไม่มีฟอง ส่วนคลีนเซอร์อีกแบบคือ สบู่ก้อน เป็นตัวช่วยทำความสะอาดผิวได้ดี แต่มีข้อเสียคือค่า pH สูง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้

3.โทนเนอร์ (Toner)

ตัวช่วยปรับสมดุลผิว ทำหน้าที่ขจัดสิ่งตกค้างบนรูขุมขนในขั้นตอนสุดท้าย และเตรียมความพร้อมให้ผิว เพื่อรับการบำรุงต่อไป ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นเนื้อโซลูชั่น ทั้งแบบโซลูชั่นแบบน้ำ (Aqueous Solution) และโซลูชั่นแบบแอลกอฮอล์ (Hydroalcoholic Solution)

4.เอสเซนส์ (Essence)

หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อของ น้ำตบ สกินแคร์บำรุงผิวหน้าขั้นตอนแรก มีเนื้อสัมผัสคล้าย ๆ กับโทนเนอร์ มีลักษณะเป็นโซลูชั่นแบบน้ำ เพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย

5.เซรั่ม (Serum)

สกินแคร์บำรุงผิวในขั้นตอนต่อจากเอสเซนส์ แต่จะมีเนื้อเข้มข้นกว่า เพราะมีสารบำรุงอัดแน่นอยู่มากกว่า ส่วนใหญ่มักใช้สำหรับการแก้ปัญหาผิวแบบเฉพาะจุด มีเนื้อสัมผัสทั้งแบบเจล และโซลูชั่น

6.อิมัลชั่น (Emultion)

หรือมอยส์เจอไรเซอร์ มีเนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับโลชั่น สำหรับอีมัลชั่นเนื้อโลชั่น จะมีความเข้มข้นน้อยกว่าแบบครีม เกลี่ยง่าย ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีลักษณะเป็นผิวมัน ส่วนอีมัลชั่นเนื้อครีม จะมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นมาก

7.โลชั่น (Lotion)

สกินแคร์บำรุงผิวช่วยเคลือบผิวชั้นนอก ให้มีความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว มีเนื้อเข้มข้นกว่าเนื้ออิมัลชั่น เพราะมีน้ำมันเป็นส่วนผสมอยู่มากกว่า

8.ครีม (Cream)

สกินแคร์ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว ด้วยความที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้นและมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่เยอะที่สุด จึงมีความเข้มข้นสูง สามารถคงความชุ่มชื้นได้นานกว่าสกินแคร์ตัวอื่น ๆ แต่ด้วยเนื้อเข้มข้น จึงควรระวังในเรื่องของการอุดตันผิว

9.กันแดด (Sunscreen)

สกินแคร์ประเภทปกป้องผิว ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด รังสี UVA และ UVB ซึ่งกันแดดมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกมากมาย อย่างกันแดดเนื้อโลชั่น เนื้อน้ำมัน เนื้อครีม หรือคนผิวมัน ก็มีกันแดดเนื้อเจล กันแดดสเปรย์ ที่มีความบางเบาให้เลือกใช้ด้วย

10.ผงแป้ง (Powder)

สกินแคร์ประเภทผงแป้ง สามารถแบ่งเนื้อสัมผัสออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน 

  • แป้งฝุ่น (Loose Powder) เช่น แป้งเด็ก แป้งปัดแต่งหน้าควบคุมความมัน 
  • แป้งตลับหรือแป้งอัดแข็ง (Compact Powder) เป็นแป้งฝุ่นที่นำมาอัดแข็ง ในตลับด้วยน้ำมันเพื่อให้พกพาง่าย ใช้สะดวก และอาจใส่เม็ดสีปรับสภาพผิวให้ดูสว่างกระจ่างใส ช่วยปกปิดจุดบกพร่องใบหน้าลงไปด้วย

11.เนื้อบาล์ม (Ointment)

สกินแคร์ที่มีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม มีส่วนผสมของไขมันและขี้ผึ้ง เช่น บาล์มบำรุงผิว ขี้ผึ้ง หรือ ลิปแคร์ และด้วยความที่เนื้อบาล์มมีส่วนผสมของน้ำมันค่อนข้าง เลยอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนผิวมัน และควรระวังเรื่องการอุดตันด้วย 

12.เนื้อแบบแท่ง (Stick)

สกินแคร์ที่มีเนื้อนุ่มลื่น และแห้ง เพราะมาในรูปแบบอัดแท่ง 

13.เนื้อซัสเพนชัน (Suspensions)

เนื้อสัมผัสที่มีอนุภาคขนาดเล็กของสารอยู่แขวนลอย อยู่ในเนื้อสัมผัสของสกินแคร์ อย่างเช่น แป้งน้ำ คาลาไมด์ ยาทาเล็บ รองพื้น เป็นต้น

14.เนื้อสครับ (Pastes)

มีลักษณะคล้าย ๆ กับเนื้อครีม แต่จะมีส่วนผสมของเกลือ น้ำตาล เม็ดบีดส์ ผสมอยู่ในเนื้อด้วย เพื่อช่วยในการขัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก

 สกินแคร์ คือผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนควรใช้เพื่อผิวที่แข็งแรง

รู้จักผิวก่อนเลือกสกินแคร์

การเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว และปัญหาผิว มีส่วนทำให้สกินแคร์ทำงานได้ผลดีที่สุด เราเลยต้องรู้จักกับผิวของเราก่อนว่ามีสภาพผิวเป็นยังไง ซึ่งประเภทของผิวสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

ผิวแห้ง (Dry Skin)

หรือผิวขาดน้ำ เป็นผิวที่มีรูขุมขนที่ละเอียด และผิวแห้งแตกง่าย ลอกเป็นขุยได้ง่าย โดยเฉพาะหลังล้างหน้าจะรู้สึกตึงและฝืดผิวหน้า บางครั้งก็มีอาการคัน แสบ แดง ระคายเคืองได้ง่ายด้วย

ผิวมัน (Oily Skin)

ลักษณะมีผิวมัน เงา โดยเฉพาะบริเวณ T-ZONE หน้าผาก จมูก และคาง ผิวมีรูขุมขนกว้าง เกิดจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องสิวเสี้ยนและเป็นสิวได้ง่าย

ผิวผสม (Combination Skin)

ผิวที่มีทั้งบริเวณที่ผิวแห้ง ตรง U-Zone รอบดวงตา ข้างแก้มและคาง มักเกิดบริเวณแห้ง ลอก เป็นขุย และมีผิวมันบริเวณ T-Zone หน้าผากและจมูก ซึ่งจะมีต่อมผลิตไขมันที่มากกว่าบริเวณอื่น ๆ และเป็นส่วนที่เกิดสิวได้ง่าย

ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)

เป็นผิวบอบบางแพ้ง่าย มีความไวต่อสารเคมี มลภาวะ แสงแดด ฝุ่นควันต่าง ๆ ทำให้เป็นสิวง่าย เป็นผื่นง่าย อักเสบง่าย และบางครั้งอาจมีอาการแสบ แดง คันอีกด้วย

ผิวธรรมดา (Normal Skin)

ผิวสุขภาพดี มีความสมดุล คือไม่แห้งจนเกินไป และไม่มันจนเกินไป มีลักษณะเรียบเนียน กระจ่างใส รูขุมขนเล็กละเอียด และไม่ค่อยพบปัญหาผิว

อยากมีผิวสุขภาพดีต้องเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับตัวเอง

วิธีการเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว

1.ผิวแห้ง (Dry Skin)

สำหรับผิวแห้งจะเหมาะกับสกินแคร์เนื้อสัมผัสแบบบาล์ม หรือโซลูชั่นแบบน้ำมัน สกินแคร์เนื้อสัมผัสแบบนี้จะช่วยเคลือบผิวกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว และควรเลือกสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นกับผิว เพื่อควบคุมให้ผิวไม่แห้งลอกจนเป็นขุยและคัน

2.ผิวมัน (Oily Skin)

สำหรับผิวมันที่ผิวผลิตน้ำมันออกมามาก ส่งผลให้เกิดปัญหาสิวขึ้นได้ง่าย ควรเลือกสกินแคร์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา และซึมง่าย อย่างเช่น เนื้อเจล โลชั่น และโซลูชั่นแบบน้ำ เพื่อเลี่ยงน้ำมันบนผิว และลดการเกิดผิวอุดตัน สาเหตุของการเกิดสิวไปด้วย

3.ผิวผสม (Combination Skin)

ผิวผสมที่บริเวณใบหน้ามีทั้งบริเวณที่แห้ง และบริเวณที่มัน ควรเลือกสกินแคร์ที่เป็นสูตรสำหรับผิวผสม หรือเลือกใช้สกินแคร์เนื้อสัมผัสแบบเจล โลชั่น และโซลูชั่นแบบน้ำ ในบริเวณ T-Zone ที่มีผิวมัน และเลือกใช้สกินแคร์เนื้อบาล์ม และโซลูชั่นแบบน้ำมัน ในบริเวณ U-Zone ที่มีผิวแห้ง และส่วนใหญ่ผิวผสมมักจะเกิดปัญหาผิวหมองคล้ำได้ง่าย แนะนำให้เลือกสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติให้ความกระจ่างใส เนื้อบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวง่าย ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของผิว เพื่อแก้ปัญหาผิวไปด้วย

4.ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)

สำหรับผิวแพ้ง่าย ถึงแม้ว่าจะสามารถเลือกสกินแคร์ได้หลายเนื้อสัมผัส ทั้งเนื้อโซลูชั่น อิมัลชั่น หรือเนื้อครีม แต่เป็นผิวมีความไวต่อสารเคมี มลภาวะ แสงแดด ฝุ่นควันต่าง ๆ ทำให้เป็นสิวง่าย เป็นผื่นง่าย และอักเสบง่าย จึงควรใส่ใจในส่วนผสมของสกินแคร์ เลือกสกินแคร์ที่อ่อนโยน ไม่มีสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ และเลือกที่มีคุณสมบัติช่วยลดระคายเคืองผิวด้วย เพื่อบำรุงผิวแข็งแรง ลดปัญหาระคายเคือง ผิวแพ้ต่าง ๆ

5.ผิวธรรมดา (Normal Skin)

ส่วนผิวธรรมดาที่มีความสมดุล ลองเลือกสกินแคร์ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว เพื่อคงผิวแข็งแรงสุขภาพดีเหมือนเดิม หรือลองเลือกสกินแคร์เป็นสกินแคร์ปรับสภาพผิวให้ชุ่มชื้น สว่างกระจ่างใส เพื่อให้ผิวดูสุขภาพดียิ่งขึ้น

ทำความรู้จักกับสกินแคร์กันมาแล้ว คราวนี้เพื่อน ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องยืนงง เวลาเลือกสกินแคร์อีกต่อไป ลองเช็กสภาพผิวและปัญหาผิวของตัวเอง แล้วเลือกสกินแคร์จากเนื้อสัมผัส และคุณสมบัติที่เหมาะกับสภาพผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวให้ดีขึ้นได้แน่นอน ส่วนใครอยากได้สกินแคร์คุณภาพดี ลองมาเลือกที่วัตสันได้เลย มีสกินแคร์เหมาะกับสภาพผิวของเพื่อน ๆ ให้เลือกมากมายเลย

ข้อมูลอ้างอิง

สกินแคร์ คืออะไร ก่อนเลือกใช้สกินแคร์ มาทำความรู้จักกันสกินแคร์แต่ละชนิดก่อน https://www.eucerin.co.th/about-skin/derms-articles/what-is-skincare

คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ

Previous

12 อันดับ มาสคาร่าคิ้ว ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 คิ้วตั้งฟู ดูธรรมชาติ

Next

5 ทริค แก้ปัญหาผมแตกปลาย

Related Topics
Share
WHAT’S HOT
  1. 10 ร้านเสื้อผ้าในไอจีราคาถูก หลักร้อย ไม่ตกเทรนด์
  2. 12 สกินแคร์จาก CICA ส่วนผสมช่วยลดสิว ผิวระคายเคือง
  3. 10 สถานที่ขอพรเรื่องความรัก ช่วยคนโสดไม่ให้นก
  4. 15 ครีมบำรุงผิวขาว และครีมทาผิวขาวยี่ห้อไหนดี 2024
  5. แต่งหน้าเป๊ะปังด้วยเมคอัพ ชิ้นที่สอง1บาท
  6. 10 โฟมล้างหน้าลดสิวเสี้ยน หน้าเนียนใส ห่างไกลสิว
  7. ส่อง! 20 ประโยชน์ของ NAC (N-Acetylcysteine)
  8. วิธีล้างแปรงแต่งหน้า พัฟแต่งหน้า ด้วยคลีนเซอร์ง่าย ๆ
  9. รีวิวแป้งฝุ่นศรีจันทร์ Gen 1 ปะทะ Gen 2 ต่างกันยังไง? ใช้ตัวไหนดีนะ?
  10. รีวิว needly toner pad โทนเนอร์แพดผิวใสทั้ง 4 สูตร
  11. 20 ไอเดียทรงผมคนหน้ากลม ปรับลุคใหม่หน้าเรียวเล็ก น่ารัก ไม่ต้องง้อหัตการ