ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สกินฟาสติ้ง (skin fasting) เป็นหัวข้อที่ร้อนแรงมากๆในหมู่สาวๆ แทนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางมากเกินไป เราควรปล่อยให้ผิวของเราได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของวิธีนี้ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกัน คุณอยากจะลองไหม? การทำความเข้าใจหลักการและวิธีการทำ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ!
สกินฟาสติ้ง (skin fasting) หมายความว่าอะไร?
แนวคิดนี้นำเสนอโดยแพทย์ชาวญี่ปุ่น Yujin Mulongyi ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมพลาสติก เขาได้ตีพิมพ์หนังสือที่บอกให้คนเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว นี่เป็นความกล้าอย่างมากในการแสดงให้เห็นว่า “ความจำเป็นในการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว” เป็นเพียงเหตุผลในการโฆษณาและของบริษัทผลิตภัณฑ์ด้านความงามในการหากำไรเท่านั้น
หลักการของสกินฟาสติ้ง (skin fasting):
(1) ล้างผิวด้วยน้ำ/สบู่เท่านั้น
หลักการของสกินฟาสติ้ง (skin fasting) บอกว่า การล้างหน้าบ่อยๆทำให้ผิวแห้งมากเกินไปและเป็นการทำลายพื้นผิวของผิวหนัง ทำลายการป้องกันตัวเองของผิว และจะทำให้เกิดริ้วรอยและการหย่อนคล้อย ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ให้ใช้เพียงแต่น้ำสะอาดและสบู่ที่ไม่มีสารลดแรงตึงผิวเบาๆ
(2) ห้ามใช้โทนเนอร์
หลักการสกินฟาสติ้ง (skin fasting) เชื่อว่าส่วนประกอบหลักของโทนเนอร์คือน้ำ เมื่อน้ำระเหยที่ผิว รอยต่อระหว่างเซลล์จะแตกและทำให้ผิวแห้ง
(3) ใช้เพียงวาสลีนปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นเท่านั้น
อย่าใช้สารเคมีต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่ง ผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอย ผลิตภัณฑ์ลบริ้วรอย เป็นต้น เพียงให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดและการเพิ่มความชุ่มชื้นธรรมดาๆ หากรู้สึกว่าผิวแห้ง ใช้แค่วาสลีนปริมาณเล็กน้อย เพราะวาสลีนไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน แต่ครีมอื่นๆและน้ำมันพืชทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ง่าย จึงทำให้มีโอกาสเกิดเป็นสารอันตรายหลังจากทำปฏิกิริยากับออกซิเจน
(4) ลดการใช้ครีมกันแดด
เนื่องจากผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดประกอบด้วยสารเคมีจำนวนมาก แพทย์ไม่สนับสนุนให้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด เขาเชื่อว่าการได้รับรังสียูวีในประมาณที่เหมาะสมสามารถทำให้ผิวมีสุขภาพดีได้ หากคุณไม่ได้สัมผัสแสงแดดเป็นระยะเวลาสั้นๆ คุณสามารถใช้การป้องกันแสงแดดทางกายภาพ เช่น หมวก/ผ้าเช็ดหน้า
(5) ไม่ใช้สติ๊กเกอร์ติดสิวหัวดำ
สิวหัวดำคือของเสียเก่าที่เกิดขึ้นจากการหลุดลอกของคีราติโนไซต์ ครีมสิวหัวดำใสๆสามารถขจัดสิวได้ในทันที แต่จะทำให้เกิดความเสียหายภายในกับรูขุมขน และเพื่อฟื้นฟูความเสียหายนี้หนังกำพร้าชั้นบนสุดจะหนาขึ้นซึ่งทำให้รูขุมขนใหญ่
คุณเหมาะสำหรับการทำสกินฟาสติ้ง (skin fasting) หรือไม่?
ผลของการทำสกินฟาสติ้ง (skin fasting) มีหลากหลายแตกต่างกันไปตามแต่ละคน! บางคนอาจมีปัญหาเกี่ยวกับผิวลอก สิวและมีความมันในระยะยาวหลังจากลองทำ ดังนั้นก่อนที่คุณจะลอง แนะนำให้คุณสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือตรวจสอบระดับการปรับตัวของผิวเป็นเวลาสามถึงเจ็ดวัน หากผลที่ได้แย่เกินไป แนะนำให้รอง “สกินฟาสติ้งระดับกลาง (intermediate skin fasting)” ซึ่งก็คือการทำสกินฟาสติ้ง (skin fasting) 1-2 วันต่อสัปดาห์ เพื่อปล่อยให้ผิวได้มีเวลาพักอย่างเพียงพอ