แน่นอนค่ะการบีบสิวไม่ใช่ความคิดที่ดี การสะกิดจะยิ่งทำให้สิวใช้เวลานานมากขึ้นในการรักษา และยังสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้อีกด้วย ดังนั้น ขอให้ละมือจากใบหน้าแล้ว มาหากันว่าวิธีรักษาสิวแบบไหนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับสิวทุกชนิดกันค่ะ.
#1 ลองใช้คลีนเซอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก
ล้างหน้าวันละสองครั้งด้วยคลีนเซอร์ที่ต่อสู้กับสิวสูตรกรดซาลิไซลิก ในความเป็นจริงแล้ว กรดซาลิไซลิกเป็นกรดบีเอชเอที่ทำหน้าที่ล้างน้ำมันส่วนเกินและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยนเพื่อป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน นอกจากนี้ กรดที่ทรงพลังตัวนี้ยังช่วยลดอาการบวมและรอยแดงได้ด้วยนะนะ หากสาวๆ บางคนยังไม่เคยใช้กรดซาลิไซลิก ขอแนะนำให้เริ่มด้วยการใช้วันละครั้งเท่านั้นพอค่ะ
#2 ลองใช้ทรีทเม้นต์แต้มสิว
ลองเลือกหาทรีทเม้นต์แต้มสิวที่ขายทั่วไปที่สามารถรักษาสิวหัวดื้อในเวลาชั่วข้ามคืนดูค่ะ ขอแนะนำให้มองหาสูตรที่มีเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ที่ขจัดสิว, กรดไกลโคลิกหรือกรดซาลิไซลิกแบบทั่วไป เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ช่วยฆ่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ในขณะที่กรดซาลิไซลิกและกรดไกลโคลิกช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกิน ลดการอักเสบและทำให้สิวแห้ง อย่าลืมว่าทรีทเมนต์พวกนี้ไม่ได้มีไว้ทาทั่วใบหน้านะคะ เพียงแค่แต้มนิด ๆ บนบริเวณที่เป็นก่อนเข้านอนแล้วทิ้งไว้ข้ามคืนก็พอค่ะ
#3 มองหาเรตินอยด์
ใช้เรตินอยด์ หรือ ครีมลดรอยสิว ให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลผิวประจำวันเพื่อผิวที่กระจ่างใส อนุพันธ์ของวิตามินเอไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการผลัดเซลล์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้รูขุมขนมีความไวต่อการอุดตันน้อยลงด้วยค่ะ จึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวดำ, สิวหัวขาวและรอยสิวอื่น ๆ ได้ ผลข้างเคียงของการใช้เรตินอยด์ ได้แก่ รอยแดง, ผิวเกิดความแห้ง, คันและแสบ สาวๆ ต้องใช้วิธีการของตัวเองให้สอดคล้องกับการใช้งาน โดยอาจจะตั้งเป้าด้วยการเริ่มใช้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอค่ะ
#4 ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ประจำวันที่ป้องกันสิว
ขอให้ยึดมั่นกับการใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรออยล์ฟรีที่ไม่ก่อสิวหากว่าสาวๆ กำลังเป็นสิวอยู่นะคะ โดยทำให้มั่นใจได้ว่าสูตรที่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะจะไม่อุดตันรูขุมขน หรือไม่ทำให้สิวที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงมากขึ้น ทามอยเจอร์ไรเซอร์เป็นชั้นบาง ๆ โดยเป็นขั้นตอนสุดท้ายในกิจวัตรการดูแลผิวประจำวันเพื่อผิวที่ดูสุขภาพดีขึ้นและบรรเทา อย่าลืมทำให้ผิวชุ่มชื้นแม้ว่าจะมีสิวอยู่ก็ตาม เพื่อให้เกราะคุ้มผิวของสาวๆ มีสุขภาพดีอยู่เสมอ