น้ำมันมะกอก ถูกใช้เป็นเคล็ดลับความงามของสาว ๆ มาอย่างยาวนาน เพราะ ‘ มะกอก ‘ อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและสุขภาพดี บทความนี้วัตสันเลยอยากชวนเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับประโยชน์น้ำมันมะกอก ที่ช่วยบำรุงร่างกายและผิวพรรณให้มากยิ่ง น้ำมันมะกอกช่วยเสริมความสวยความงามได้ยังไงบ้าง ลองตามไปอ่านกันเลย
น้ำมันมะกอก (Olive Oil) คือ น้ำมันธรรมชาติที่สกัดจากผลของต้นมะกอก ซึ่งสารทางธรรมชาติในน้ำมันมะกอกมีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย ทั้งช่วยลดระดับไขมันเลวในร่างกาย และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ปัจจุบันเลยได้มีการนำน้ำมันมะกอกมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย ทั้งในด้านการทำอาหาร ด้านอุตสาหกรรม และในด้านความงามด้วย
6 ประเภทของน้ำมันมะกอก
- น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน (extra virgin) เป็นน้ำมันมะกอกที่มีสีเขียวเข้ม ได้มาจากการบีบเอาน้ำมันออกมาจากมะกอกสด ๆ จึงค่อนข้างมีราคาสูง เหมาะสำหรับรับประทานสด ๆ หรือนำไปทำอาหารโดยไม่ผ่านความร้อน อย่างเช่น ทำเป็นน้ำสลัด ถ้าหากนำน้ำมันมะกอกประเภทนี้ไปผ่านความร้อน อาจทำให้เสียคุณค่าทางโภชนาการ และกลายเป็นไขมันไม่ดีแทนได้
- น้ำมันมะกอกเวอร์จิน (virgin) เป็นน้ำมันมะกอก ที่ได้มาจากการบีบเอาน้ำมันออกมาจากมะกอกสด ๆ เหมือนกัน แต่มีผลมะกอกที่แก่กว่า มีคุณภาพรองลงมาจากน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน (extra virgin) ราคาจะถูกลงกว่าเล็กน้อย และดีต่อสุขภาพเช่นกัน
- น้ำมันมะกอกแบบผสม (olive oil หรือ pure olive oil) เป็นน้ำมันที่เกิดจาก น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน และน้ำมันมะกอกที่ผ่านกรรมวิธีเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารมาผสมกัน ทำให้น้ำมันมะกอกชนิดนี้มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ทนความร้อนได้ดี แต่ถ้านำไปทอดคุณค่าทางสารอาหารในน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จินก็จะหายไป และเปลี่ยนเป็นไขมันชนิดที่ไม่ดีแทน
- น้ำมันมะกอกแบบผ่านกรรมวิธี (Refined Olive Oil, Light Olive Oil, Extra Light Olive Oil) เป็นน้ำมันมะกอกที่ผ่านกรรมวิธีเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร มีการสกัดเอาสี กลิ่น รสเดิมออกไป ด้วยกรรมวิธีทางเคมีและความร้อน น้ำมันมะกอกชนิดนี้จึงมีสีค่อนข้างใส ราคาไม่สูงมาก และสามารถทนความร้อนได้สูง
- น้ำมันกากมะกอก (olive pomace oil) เป็นน้ำมันที่สกัดออกจากกากมะกอกอีกที จากนั้นจึงนำไปผ่านกรรมวิธีทางเคมี และผ่านความร้อน มีคุณภาพต่ำ แต่ก็สามารถนำมาทำอาหารได้ เช่น อาหารประเภททอด น้ำมันมะกอกประเภทนี้เลยมีค่าไขมันที่ไม่ค่อยดีต่อร่างกาย
- น้ำมันมะกอกสำหรับผิว น้ำมันมะกอกที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับด้านความงาม เหมาะนำมาใช้บำรุงผิวพรรณ เพราะง่ายต่อการซึมซาบเข้าผิว และยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ดี อี และเค มีคุณสมบัติช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ
10 ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก
1. ต่อต้านอนุมูลอิสระ
ภายในน้ำมันมะกอกประกอบไปด้วยสารไลโคปีน (Lycopene) จำนวนมาก ซึ่งสารนี้มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระและลดสารออกซิเดชัน ทำให้มีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น ผิวหนังอ่อนเยาว์กว่าวัย ริ้วรอยลดเลือน และยังลดสาเหตุของการเกิดสิวได้อีกด้วย
2. บำรุงผิวพรรณชุ่มชื้น
น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติพิเศษกว่าน้ำมันอื่น ๆ คือ เมื่อทาน้ำมันมะกอกแล้วจะซึมสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งความมันบนผิวมากนัก แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ดี อี และเค มีคุณสมบัติช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติอยู่ด้วย
3. แก้ปัญหาผิวแตกลาย
สำหรับใครที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวแตกลาย หรือผิวขาดความชุ่มชื้น หรือคนที่มีปัญหาผิวแตกลายจากการตั้งครรภ์ สามารถนำน้ำมันมะกอกมาทาเพื่อลดความแห้งตึงของผิวหนังได้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดผิวแตกลายได้มากยิ่งขึ้น
4. รักษาอาการผิวไหม้จากแสงแดด
ประโยชน์น้ำมันมะกอกมีส่วนช่วยรักษาเกราะป้องกันความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรงสุขภาพดี สำหรับใครที่มีปัญหาผิวคล้ำ ผิวไหม้จากแดด หรืออยากปลอบประโลม เสริมความชุ่มชื้นให้กับผิวหลังออกแดด ลองนำน้ำมันมะกอกมาผสมเข้ากับน้ำส้มสายชูเล็กน้อย จากนั้นนำมาชโลมและนวดที่ผิวเบา ๆ ก็จะช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดจากแสงแดดและทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นได้แล้ว
5. สครับผิวให้กระจ่างใส
เนื่องจากประโยชน์จากน้ำมันมะกอกนั้นมีวิตามินที่ดีต่อผิว ช่วยบำรุงผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น ลองนำน้ำมันมะกอก มาผสมกับเกลือทะเลและน้ำมะนาว จากนั้นนำมาสครับลงบนผิวหนังเป็นวงกลม ขัดอย่างเบามือ โดยทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ รับรองผิวจะค่อย ๆ ขาวกระจ่างใสขึ้น และยังทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้นและอ่อนเยาว์อย่างน่าสัมผัสขึ้นด้วย
6. บำรุงเส้นผม
น้ำมันมะกอกอุดมด้วยวิตามินบีและวิตามินอี ที่ช่วยดูแลสุขภาพผมและหนังศีรษะได้ สำหรับใครที่มีปัญหาเส้นผมไม่แข็งแรง ผมร่วง หนังศีรษะแห้ง และผมขาดง่าย ลองนำน้ำมันมะกอกมาหมักผมก่อนสระประมาณ 30 นาทีเป็นประจำ น้ำมันมะกอกมีสรรพคุณที่สามารถช่วยฟื้นบำรุงผมที่แห้งเสียให้กลับมามีสุขภาพดีได้ด้วยเหมือนกัน
7. ระบบหมุนเวียนเลือดดี
น้ำมันมะกอกมีส่วนช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (arteriosclerosis) นอกจากนั้นน้ำมันมะกอกยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายและร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ และกรดไขมันนี้มีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตของร่างกายให้ดีขึ้น และเมื่อระบบหมุนเวียนเลือดดี ยังส่งผลให้ผิวพรรณของเราดูเปล่งปลั่งสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
8. ควบคุมคอเลสเตอรอล
จากการศึกษาที่ฟิลาเดลเฟีย พบว่าสารประกอบในน้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์ยังออกฤทธิ์คล้ายกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน แต่ไม่ส่งผลข้างเคียงหรือกัดกระเพาะอาหาร และยังพบว่าน้ำมันมะกอกมีสรรพคุณที่สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ในขณะเดียวกันจะไม่ทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดระดับลงด้วย
9. บรรเทาอาการอักเสบหรือติดเชื้อต่างๆ
น้ำมันมะกอกอุดมไปด้วยสารโอลีโอแคนธัล (Oleocanthal) ที่ช่วยยับยั้งเอมไซม์ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบ รวมไปถึงการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เอช ไพโลไรที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคร้ายหลายชนิด และนอกจากนั้นน้ำมันมะกอกยังสามารถใช้แต้มสิวฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย
10. ลดอาการท้องผูก ระบบย่อยอาหารดีขึ้น
น้ำมันมะกอกมีสรรพคุณในการช่วยรักษาความผิดปกติในช่องท้องหรือภาวะท้องผูกต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะในคนที่มีอาการถ่ายอุจจาระไม่ออก ถ่ายไม่สุด อุจจาระเป็นก้อนแข็ง หรือขับถ่ายลำบาก สามารถเลือกรับประทานน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เพื่อแก้อาการดังกล่าวได้
การบริโภคและใช้ประโยชน์จากน้ำมันมะกอก
การบริโภคและใช้ประโยชน์จากน้ำมันมะกอกให้ปลอดภัย
- ควรใช้น้ำมันมะกอกให้ถูกประเภทของการใช้งาน น้ำมันมะกอกมีหลากหลายประเภท ทั้งใช้ในด้านการประกอบอาหาร และด้านความงาม สำหรับด้านประกอบอาหาร ก็ยังแบ่งย่อยสำหรับน้ำมันมะกอกสำหรับผัด ทอด และน้ำมันมะกอกที่ควรทานดิบ ควรเลือกประเภทของน้ำมันมะกอกให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น
- น้ำมันมะกอกที่ใช้ผัดควรใช้ น้ำมันมะกอกแบบผสม (olive oil หรือ pure olive oil)
- น้ำมันมะกอกที่ใช้ทอดควรใช้ น้ำมันมะกอกแบบผ่านกรรมวิธี (Refined Olive Oil, Light Olive Oil, Extra Light Olive Oil) และน้ำมันกากมะกอก (olive pomace oil)
- น้ำมันมะกอกที่ควรรับประทานสด และไม่ผ่านความร้อนควรใช้ น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน (extra virgin) และน้ำมันมะกอกเวอร์จิน (virgin)
- ควรบริโภคน้ำมันมะกอกในปริมาณที่เหมาะสม ถึงแม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีสรรพคุณเป็นไขมันดี แต่ก็ควรทานแต่พอดี เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียง สำหรับบริโภคน้ำมันมะกอกในปริมาณที่เหมาะสม อยู่ที่ประมาณวันล่ะ 2 ช้อนโต๊ะ (28 กรัม) หรือ 14% ของแคลอรี ที่บริโภคในแต่ละวัน
- ควรเช็กอาการแพ้ ก่อนใช้น้ำมันมะกอกทาผิว การใช้น้ำมันมะกอกทาผิวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อย่างอาการแพ้ และผิวหนังอักเสบได้ จึงควรใช้น้ำมันมะกอกในปริมาณที่พอเหมาะ และควรตรวจสอบอาการแพ้ก่อนใช้
ข้อควรระมัดระวังในการบริโภคและใช้น้ำมันมะกอก
- ควรระวังในการบริโภคน้ำมันมะกอกในผู้ที่ตั้งครรภ์ และให้นมบุตร ควรระมัดระวังไม่บริโภคน้ำมันมะกอกเกินปริมาณ
- ควรระวังการบริโภคน้ำมันมะกอกในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือด
- สำหรับผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด ควรงดการบริโภคน้ำมันมะกอก 2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด น้ำมันมะกอกมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด อาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพในช่วงระหว่างการผ่าตัด และในช่วงพักฟื้น
5 สูตรน้ำมันมะกอกสำหรับผิว
สูตรสครับริมฝีปากอย่างอ่อนโยน
อยากมีริมฝีปากที่นุ่มน่าสัมผัสตลอดเวลา ต้องสูตรนี้เลย ผสมเกล็ดน้ำตาล 1 ช้อนชาและน้ำมันมะกอก เติมน้ำมะนาวและน้ำอุ่นลงไปเล็กน้อย พอกบริเวณริมฝีปากโดยกรดจากน้ำมันมะกอกและน้ำมะนาวสามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
สูตรเช็ดเครื่องสำอางสำหรับดวงตา
ผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นอะไรที่บอบบางมาก ต้องอาศัยความใส่ใจในขั้นตอนการเช็ดเครื่องสำอางออกเป็นอย่างยิ่ง หากคิดว่าแค่โฟมล้างหน้าถู ๆ ก็ออกแล้ว นั่นผิดอย่างแรง เพราะส่วนใหญ่เครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตาจะล้างไม่ออกด้วยน้ำเปล่า แนะนำให้ใช้น้ำมันมะกอกผสมกับน้ำอุ่น
โดยน้ำมันสามารถจับตัวกับน้ำมันในเครื่องสำอางพวกมาสคาร่า อายไลเนอร์ได้ดี อีกทั้งน้ำมันมะกอกยังมีสรรพคุณช่วยลดการทำร้ายผิวบริเวณรอบดวงตาโดยการปรับค่า pH ได้อีกด้วย
สูตรบำรุงผมก่อนสระ
เส้นผมถูกทำร้ายจากรังสียูวีได้ง่าย ๆ ส่งผลให้ผมชี้ฟูและขาดความชุ่มชื้น จนสาว ๆ ต้องเสียเงินแพง ๆ เพื่อทำสปาผม ก่อนที่จะกระเป๋าแบน น้ำมันมะกอกมีสรรพคุณเป็นตัวช่วยให้ผมกลับมาสวยเงางามมีน้ำหนักและสามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เพียงเทน้ำมันมะกอกลงบนฝ่ามือประมาณ 1 ช้อนชา จากนั้นค่อย ๆ นวดลงบนเส้นผมและหนังศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที เท่านี้ก็คืนความชุ่มชื้นและลดปัญหาผมเสียให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดีอีกครั้ง
สูตรให้ความชุ่มชื้นสำหรับมือ
น้ำมันมะกอกใช้เป็นเคล็ดลับเรื่องความชุ่มชื้นมานานกว่าร้อยปี เพราะน้ำมันมะกอกอุดมไปด้วยวิตามินเอ ดี อี และเค มีหน้าที่ช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังง่ายต่อการซึมซาบเข้าผิว สำหรับใครที่อยากบำรุงมือเนียนนุ่มด้วยน้ำมันมะกอก ลองผสมน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำตาล2 ช้อนโต๊ะ นำมาขัดมือให้ทั่วจนน้ำตาลละลาย แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะทำให้มือเนียนนุ่มยิ่งขึ้น
สูตรเล็บแข็งแรง
สำหรับใครที่อยากบำรุงเล็บแข็งแรง หรือใครมีปัญหาเล็บเหลือง ลองใช้น้ำมันมะกอก 2 ถ้วย กับน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ นำน้ำมันมะกอกมาอุ่น ไม่ให้ร้อนจัดนะคะ ถ้าร้อนเกินไปให้รอจนน้ำมันมะกอกอุ่น จากนั้นนำน้ำมะนาวมาผสม แล้วแช่เล็บลงไปประมาณ 5-10 นาที สามารถทำได้ทั้งเล็บมือและเล็บเท้า จะช่วยบำรุงให้เล็บแข็งแรงยิ่งขึ้น
ทำความรู้จักกับ “ น้ำมันมะกอก “ มาแล้ว พอได้รู้ว่าน้ำมันมะกอกเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และยังเป็นมีประโยชน์ในด้านความงามอีกด้วย แต่การใช้น้ำมันมะกอกที่ไม่ถูกวิธีก็อาจจะส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ ควรใช้น้ำมันมะกอกให้ถูกประเภทการใช้งาน และใช้น้ำมันมะกอกปริมาณที่พอเหมาะ เราจะได้รับประโยชน์จากน้ำมันมะกอกอย่างเต็มประสิทธิภาพแน่นอน
ข้อมูลอ้างอิง
น้ำมันมะกอก ประโยชน์ สรรพคุณ ข้อควรระวัง https://hdmall.co.th/c/olive-oil-benefitsสูตรบำรุงผิวพรรณจากน้ำมันมะกอก https://women.kapook.com/view56137.html
คลิกอ่านคอนเท้นอื่นๆที่น่าสนใจ